ก้าวไกล จี้ “นายกฯ” เร่งหา รมว.ต่างประเทศคนใหม่ ดักคอ อย่าตั้งตัวเองหรือรองนายกฯนั่งควบ

ก้าวไกล จี้  “นายกฯ” เร่งหา รมว.ต่างประเทศคนใหม่  ดักคอ อย่าตั้งตัวเองหรือรองนายกฯนั่งควบ
ก้าวไกล เสียดาย “ปานปรีย์” ทิ้งรมว.ต่างประเทศ จี้ นายกฯ หาคนมาเป็นแทนโดยเร็ว แนะต้องเป็นคนมีวิสัยทัศน์ เป็นหน้าตาของประเทศ และต้องไม่พูดเยอะ ดักคอ อย่าตั้งตัวเองหรือรองนายกฯคนใดนั่งควบ

นายจุลพงศ์ อยู่เกษ รองประธานคณะกมธ. การต่างประเทศ คนที่หนึ่ง แถลงข่าวกรณีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังพ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี  พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้นายกฯ รีบหาและแต่งตั้งรมว.ต่างประเทศคนใหม่โดยเร็ว ตนในฐานะรองประธานคณะ กมธ. การต่างประเทศ คนที่หนึ่ง  ขอแสดงความเสียใจนายปานปรีย์ ลาออกจากตำแหน่ง เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านการต่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศ เพราะเคยดำรงตำแหน่งผู้แทนทางการค้า ส่วนผลงานในฐานะ รมว.ต่างประเทศในระยะ 7 เดือนที่ผ่านมา มีเป็นจำนวนมากตามที่ท่านได้เขียนไว้หนังสือลาออก

โดยส่วนตัวตนถือว่านายปานปรีย์เป็นรัฐมนตรีน้ำดีท่านหนึ่ง แน่นอนว่าการลาออกจากตำแหน่งของนายปานปรีย์ สร้างความตกใจและสับสนแก่ต่างประเทศหลายประเทศว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสถียรภาพของรัฐบาลไทย ซึ่งเมื่อวานนี้(28 เม.ย.) ตนได้รับข้อความจากเจ้าหน้าสถานทูตหลายแห่งสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น การที่นายกรัฐมนตรีให้นายปานปรีย์พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและให้ดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศตำแหน่งเดียว สะท้อนให้เห็นว่านายกฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายด้านต่างประเทศตามที่เคยแถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่เข้าใจถึงการที่จะต้องได้รับความเชื่อถือจากต่างประเทศเพื่อให้การเจรจาระหว่างประเทศมีน้ำหนัก และ นายกฯ ไม่ให้ค่ากับบุคคลที่รับผิดชอบนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลเท่าที่ควร บริบทการเมืองไทยใน 10 ปีที่ผ่านมา รมว.ต่างประเทศจะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วยสะท้อนให้ต่างประเทศเห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศ 

อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องให้นายกฯ รีบหาและแต่งตั้งรมว.ต่างประเทศคนใหม่โดยเร็ว เพราะในขณะนี้ประเทศไทยไม่มี รมว. และรมช. ต่างประเทศ ในขณะที่ประเด็นด้านการต่างประเทศที่สำคัญหลายเรื่องต้องมีคนที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งเข้ามารับผิดชอบโดยเร็ว พร้อมทั้งยกตัวอย่างเรื่องคือเรื่องดุลอำนาจที่เกิดจากภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเรื่องสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาที่มีคลื่นผู้อพยพจากเมียนมาข้ามมาฝั่งไทย และได้มีการจัดตั้งระเบียงมนุษยธรรมตามแนวชายแดนไทยเมียนมาที่นายปานปรีย์ได้ผลักดันให้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเรื่องเมียนมานี้รัฐบาลจะต้องเร่งหาความร่วมมือจากประเทศในกลุ่มอาเซียนและจากประเทศมหาอำนาจบางประเทศโดยด่วน ส่วนนายกฯ จะเลือกใครนั้น ตนไม่ขอเข้าไปก้าวล่วงเพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล 

ทั้งนี้ ขอแสดงความไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านหากนายกฯ จะมาควบตำแหน่งรมว.ต่างประเทศอีกตำแหน่งหนึ่ง หรือจะแต่งตั้งให้รองนายกฯ คนใดคนหนึ่งในขณะนี้ให้มาควบตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ เพราะภาระหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ นั้นหนักอึ้งอยู่แล้ว เพราะมีหน้าที่ที่จะต้องควบคุมดูแลและติดตามงานของทุกกระทรวง และงานของรมว.ต่างประเทศต้องมีการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง และที่ไม่เห็นด้วยที่จะให้รองนายกฯ ในตอนนี้มาควบตำแหน่ง เพราะบุคคลที่จะมาเป็นรมว.ต่างประเทศเป็นเหมือนหน้าตาของประเทศไทยในสังคมโลก จึงต้องเป็นคนที่ต้องเข้าใจในบริบทการเมืองระหว่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียและของโลก และต้องมีวิสัยทัศน์ในการวางตำแหน่งของประเทศไทยบนเวทีโลก และที่สำคัญคือต้องพูดไม่เยอะและต้องระวังการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพราะเรื่องเกี่ยวกับการต่างประเทศนั้นมีทั้งประเด็นด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีหลายประเด็นเป็นเรื่องที่อ่อนไหว
 

TAGS: #ก้าวไกล #ปานปรีย์ #ครม.เศรษฐา2