“เศรษฐา” ลั่น ไม่เสียสมาธิ หลังธุรการ ศาล รธน.รับเรื่อง 40 สว.ยื่นถอดถอน มั่นใจ ตั้ง “พิชิต” นั่ง รมต. ทำถูกต้อง เมิน “เต้-มงคลกิตติ์” แซะโครงการรัฐบาลมีช่องโหว่ ยุพรรคร่วมฯ หาคนนั่งเก้าอี้นายกฯ แทน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เผย กรณีที่นักวิชาการบางคนออกมาแสดงความข้องใจ 40 สว. ซึ่งอยู่ระหว่างรักษาการออกมาตรวจสอบ นายกฯ เหมือนเป็นการรุกไล่รัฐบาล พร้อมมองว่า 50 ต่อ 50 อาจเกิดอุบัติเหตุได้กับเก้าอี้นายกฯ ว่า ตนคงไม่ไปก้าวล่วงกับศาลรัฐธรรมนูญว่า จะเป็น 50 ต่อ 50 หรือ 40 ต่อ 60 และเมื่อวันก่อนผู้ร้องได้มีการยื่นเรื่องผ่านแผนกธุรการ ซึ่งได้มีการรับแล้ว ขั้นตอนต่อไปศาลรัฐธรรมนูญก็จะต้องมีการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ ตรงนี้ก็ต้องให้เกียรติกับทางศาลด้วยเช่นกัน และตนก็มีหน้าที่ในการชี้แจง ต่อไปเท่านั้นเอง
"ถ้าถามว่ากังวลหรือไม่ ก็ต้องตอบว่ากังวลทุกเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล หรือเกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชน เมื่อเข้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งนี้เราก็ต้องให้ความเคารพกระบวนการตรวจสอบด้วยเช่นกัน ก็ไม่อยากไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อฝ่ายธุรการได้รับเรื่องไปแล้ว และเข้าใจว่าอีกไม่กี่วันก็จะมีคำตอบ ว่าจะรับหรือไม่รับเรื่องพิจารณา หน้าที่ของผมก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งหมดให้ครบถ้วนและเหมาะสมให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อเท็จจริง" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ถึงนาทีนี้นายกฯ มั่นใจว่าการแต่งตั้งนายพิชิตถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาแนะนำใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า "ครับ ผมมั่นใจ คิดว่าทำถูกต้อง ด้วยความบริสุทธิ์ใจครับ"
เมื่อถามว่า จะทำให้เสียสมาธิหรือไม่ โดยเฉพาะยังอยู่ระหว่างเดินสายปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ นายเศรษฐา กล่าวปฏิเสธว่าไม่มีเลยไม่เสียสมาธิ เพราะตนมีทีมงานและเราก็มั่นใจในความบริสุทธิ์ของเรา แต่ไม่อยากจะพูดอะไรเยอะ เพราะแต่ละคนก็มีหน้าที่ของแต่ละคนไป ทางศาลรัฐธรรมนูญเองก็มีหน้าที่ต้องพิจารณาให้เหมาะสม ก็ไม่อยากจะพูดอะไร เพราะจะเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ และเชื่อว่าข้อมูลต่างๆ ศาลรัฐธรรมนูญได้รับทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ร้องเรียนและฝ่ายของตนเองที่จะต้องชี้แจง
"ไม่เสียสมาธิหรอกครับ มาถึงตำแหน่งนี้แล้ว อยู่ในตำแหน่งนี้ ดูแลตรงนี้ แม้มีเรื่องกวนใจเยอะ ก็ต้องแยกแยะให้ถูก และต้องแบ่งเวลาให้เป็น ไม่เช่นนั้นก็อย่าเข้ามาดีกว่า หน้าที่วันนี้เรามีหน้าที่ ที่จะต้องทำเรื่องอะไร ผมไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้ ไม่อยากจะพูดว่าไม่สำคัญ แต่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยมากวนจิตใจสมาธิมันก็เสีย และพรุ่งนี้ก็ต้องโฟกัส 4-5 เรื่อง ก็ต้องทำการบ้านว่าเขาต้องการอะไรบ้าง มีมุมไหนที่เราสามารถทำได้เลยในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ" นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่ายังมีฝันอีกเยอะที่จะทำให้กับประชาชน นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าตนกำลังแบกความหวังของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศไว้ เราจะปล่อยให้มีเรื่องอะไรมาทำความรำคาญใจเราไม่ได้ แต่อีกมุมหนึ่งเราต้องให้ความเคารพ กับการตรวจสอบ ถือเป็นเรื่องธรรมดายืนอยู่ตรงนี้ ก็จะทำให้ดีที่สุด และยืนยันว่ามีกำลังใจ มีแรงบันดาลใจ
เมื่อถามว่า มีรายงานอีกกระแสหนึ่งว่าหากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาอาจจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ทั้งรัฐบาล ในวันที่ 23 พ.ค. นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าเกิดตนเข้าใจถูก หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณา ยังไม่ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ศาลรัฐธรรมนูญต้องนำเรื่องไปพิจารณาก่อน ว่าจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แต่วันนี้ไม่อยากจะไปก้าวล่วงอะไรทั้งสิ้น ก็ว่ากันไปตามขั้นตอน
ส่วนกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ บอกไม่อยากเข้าร่วมงานกับรัฐบาล เนื่องจากมีหลายโครงการส่อเค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนฟังแล้วรู้สึก ไม่ค่อยสบายใจ การที่คนมีหน้ามีตา เคยเป็นอดีต สส. แล้วมาพูดถึงเรื่องการทุจริต โดยพูดไม่ชัดว่าเป็นเรื่องอะไร ทั้งนี้โดยส่วนตัวพร้อมที่จะพิสูจน์หากมีหลักฐานอะไร ก็พร้อมที่จะให้การตรวจสอบ หรือจะดำเนินการกับหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ดังนั้น จะอยากทำงานด้วยกันหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนไป
“ในขณะหน้าที่ของตนในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็อยากทำงานร่วมกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือฝ่ายบริหาร ก็อยากให้ทำงานด้วยกันแบบสร้างสรรค์ หากมีเรื่องที่เราทำไม่ถูกก็บอกมา ถ้ามีหลักฐานก็เอามาบอก และคงไม่อยากจะกล่าวอะไรไปมากกว่านี้”นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนนายมงคลกิตติ์ ที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และออกมาพูดแบบนี้มองว่ามีผู้ใหญ่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายกรัฐมนตรี บอกว่า ไม่ขอแสดงความเห็น และไม่ทราบจริงๆ พร้อมย้ำว่า ตนยินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกพรรค เห็นได้จากก่อนหน้านี้ ได้ลงไปในพื้นที่ภาคใต้ สส.พรรคประชาธิปัตย์ก็มาต้อนรับ ขอเอาประชาชนเป็นที่ตั้งดีกว่า ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้าน เชื่อว่าทุกคนมีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชนในบทบาทที่แตกต่างกันไป
ส่วนที่นายมงคลกิตติ์ จะเพิ่งเข้ามาหรือจะมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ก็ขอให้เป็นเรื่องของนายมงคลกิตติ์ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สามารถช่วยเหลือให้ความกระจ่าง หรือทำให้พี่น้องประชาชนไม่มีความเข้าใจผิดก็ยินดีให้ตรวจสอบ