"วันชัย" เผยคนสนใจสมัครสว.จำนวนมาก คาดสูงถึงหลักแสนคน ยอมรับอาจมีฮั้ว-บล็อคผลโหวตระดับอำเภอและจังหวัด โยน กกต. ตรวจสอบอุดช่องโหว่ ชี้ สว.เข้าชื่อร้องศาล รธน.สอบคุณสมบัติ "พิชิต"ไปไม่ถึงล้มนายกฯ
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา เผยถึงการเปิดรับสมัครผู้เข้ารับการเลือกเป็นสว. ชุดใหม่วันแรก ว่า จากการติดตามบรรยากาศการเปิดรับสมัครสว. ชุดใหม่พบว่า คนสนใจและตื่นตัวกันมากถือเป็นมิติใหม่และเป็นบรรยากาศที่ดี เหมือนกับบรรยากาศที่มีคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นจำนวนมากซึ่งสะท้อนว่าคนอยากเปลี่ยนรัฐบาล ดังนั้นในครั้งนี้เมื่อมีคนสนใจมาสมัครสว. เพื่อเลือกกันเองเป็นจำนวนมาก น่าจะเป็นเพราะอยากเปลี่ยนสว. ที่ไม่เหมือนเดิม จึงคาดว่าน่าจะมีผู้มาสมัคร ถึงหลักแสนคน ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่คนกลุ่มนี้จะได้ภาคภูมิใจว่าไม่ได้มาจากการแต่งตั้ง มีความเป็นอิสระและเป็นกลางทางการเมือง และเมื่อเข้ามาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เมื่อเข้ารับตำแหน่งแล้วก็จะไม่เกิดข้อครหาว่ามีใบสั่ง ซึ่งเชื่อว่าการใช้วิธีเลือกตรงและเลือกไขว้จะทำให้ได้สว.ที่เป็นตัวแทนสาขาวิชาชีพต่างๆ ได้
ส่วนข้อกังวลว่าจะเกิดการฮั๋วผลโหวตในกระบวนการเลือกสว. นั้น นายวันชัย กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นการฮั้วการบล็อก หรือการระดมคนมาเพื่อสมัครเพื่อเลือกตัวเอง ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ในการเลือกระดับอำเภอ และระดับจังหวัด แต่ทำได้ยากในระดับประเทศ จึงเป็นเรื่องที่กกต.จะต้องเข้าไปตรวจสอบช่องโหว่เพื่อแก้ไข แต่หากตรวจสอบแล้วไม่พบหลักฐานอะไรก็คงต้องให้เข้ามารับตำแหน่ง แต่หากจับได้ก็จะต้อง รับโทษตามกฎหมาย
พร้อมกันนี้นายวันชัย ยังกล่าวว่าขณะนี้ได้อนุญาตให้ผู้สมัครสว. สามารถแนะนำตัวเองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้ว จึงไม่ถือเป็นการปิดหูปิดตาประชาชน สามารถรู้ได้ว่าในแต่ละระดับ ในแต่ละพื้นที่ และสาขาอาชีพมีใครเป็นผู้สมัครบ้าง เพียงแต่ไม่สามารถมาหาเสียงกับประชาชนได้โดยตรง ซึ่งเป็นกลไกที่เคยใช้มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสสร. และสว. ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ในทางกลับกันเชื่อว่าหากวันนี้เปิดให้มีการเลือกตั้งสว. ก็จะได้แต่สว.สีส้ม สีแดง สีน้ำเงิน หรือแม้แต่สว. บ้านใหญ่ แล้วจะต่างอะไรจาก สส. แต่หากใช้วิธีการแต่งตั้งก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นการลากตั้ง จึงต้องใช้นวัตกรรมใหม่ ส่วนจะดีหรือไม่ดี ผลที่ออกมาจะเป็นที่น่าพอใจหรือไม่ ก็ต้องรอติดตามและไปแก้ในรัฐธรรมนูญในครั้งต่อไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่า นี่เป็นความพยายามในการ ให้สวเป็นคนกลาง และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่แท้จริง จึงอยากให้ลองดู และขอยืนยันว่ากกต.เป็นเพียงผู้ทำตามกติกาที่รัฐธรรมนูญกำหนดเท่านั้น
ส่วนกรณีที่นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา เข้าชื่อกันกับ สว.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดลงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แะคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น นายวันชัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ยังไม่เหตุที่นำไปสู่การยื่นให้วินิจฉัยพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกรณีนายพิชิต ในแง่มุมกฎหมายก็ยังไม่มีองค์กรใดวินิจฉัยชี้ขาด
นายวันชัย ยังชี้แจงอีกว่า เรื่องดังกล่าว มีการหารือรายละเอียดกันภายในกรรมาธิการฯ ซึ่งก็มีกรรมาธิการฯ ชื่อลงไป 3 คน เนื่องจาก มีกรรมาธิการฯ คนอื่น ๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับการเสนอวินิจฉัย เพราะ สว.กำลังจะหมดวาระ จึงไม่ควรสร้างประเด็นปัญหา แม้จะยังมีหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่ก็จะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง และยังมีองค์กรอื่นที่ยังสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัตินายพิชิตได้ ทั้ง สส. หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. และตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วย เพราะเชื่อว่า การเสนอชื่อทูลเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรี จะต้องมีการพิจารณาตรวจสอบด้วยความระมัดระวังอยู่แล้ว
นายวันชัย ยังเห็นว่า เรื่องดังกล่าวมีความแปลกประหลาด เพราะควรจะเป็นการดำเนินการอย่างเปิดเผยไม่ใช่มีการปิดบังรายชื่อว่า ใครเป็นผู้ร่วมลงชื่อบ้าง และยังมีกระแสกดดันจากสังคมว่า สว.กำลังจะพ่นพิษ สร้างฤทธิ์ขึ้นมา ทั้งที่ สว.กำลังจะหมดวาระ จึงไม่ควรมีกระแสที่มอง สว.ในแง่มุมที่ไม่ดี พร้อมยังมั่นใจว่า กระบวนการตรวจสอบเข้าชื่อดังกล่าว จะไม่ไปไกลถึงการล้มนายกรัฐมนตรี และหากมีการล้มจริง สว.ก็ไม่ได้มีสิทธิลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว และยังเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย ก็จะยังคงเป็นรัฐบาลต่อ และปิดประตูพรรคการเมืองอื่น ๆ 4 ปีนี้ เพราะเกมก็จะยังคงอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทย ก็ยังมีอำนาจต่อรองสูงสุด เว้นแต่จะมีการรัฐประหาร หรือพรรคเพื่อไทย จะสะดุดขาตัวเองจากการทุจริต หรือไม่มีผลงาน
นายวันชัย ยังยืนยันด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีดีล หรือใบสั่งการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่การยื่นรายชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ การใช้อำนาจอภิปรายทั่วไปรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153