รัฐบาลผสมไม่มีประสิทธิภาพ "สมศักดิ์"เผยเหตุผล ซบ"เพื่อไทย" เดินหน้าแลนด์สไลด์

รัฐบาลผสมไม่มีประสิทธิภาพ
"สมศักดิ์" โชว์ใบลาออกรมว.ยุติธรรม และสมาชิก พปชร. พร้อมสมัครเข้า เพื่อไทย 20 มี.ค. ชี้ รัฐบาลผสมไม่มีประสิทธิภาพ ขอเดินหน้าแลนด์สไลด์ 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอดีตแกนนำพรรคพลังประชารัฐ แถลงสาเหตุของการยื่นเอกสารลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และได้เขียนใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ในวันนี้ ว่า ตนพูดทุกครั้งเรื่องการเมืองในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนมีข้อคิดแนวทาง และสิ่งที่ตัดสินใจใน 3 ประเด็นหลัก คือ ฟ้า ดินและอากาศ ซึ่งฟ้าและดิน ได้อธิบายความไปชัดเจนแล้ว แต่วันนี้ในส่วนที่ตนต้องพูดคุยคือเรื่องของอากาศ นั่นคือตนให้ความสำคัญเรื่องของทีมงานและแนวนโยบาย ที่จะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติ ประการแรกคือ ถ้าเรามีทีมงานที่ดีแต่การทำนโยบายต่างๆเหล่านั้นไม่ชัดเจน หรือมีความขัดแย้ง แนวนโยบายเหล่านั้น ก็จะไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ 

อย่างในการตั้งรัฐบาลในครั้งที่ผ่านมา แนวทางที่เกิดขึ้นต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ในเรื่องของเศรษฐกิจที่เมื่อมีสถานการณ์โควิดเข้ามาด้วยนั้น การดำเนินการการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศถูกใช้ไปมากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจได้ดีเท่าไหร่ ในครั้งที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ส.ส. 118 คน เราไม่สามารถทำให้แก้ปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนเกิดความพึงพอใจได้ เหตุจากที่เป็นรัฐบาลผสม มีพรรคการเมืองหลายพรรคที่เข้ามาดำเนินการในขณะที่จัดตั้งรัฐบาล ทำให้มีการต่อรองในเรื่องของกระทรวงและโควต้าต่างๆ ทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ดูกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด ดูเพียงบางส่วน เพราะต้องให้พรรคการเมืองอื่นดูร่วมด้วย 

นายสมศักดิ์ เผย นี่เป็นสิ่งที่ตนคิดว่า การจะทำให้สิ่งต่างๆสัมฤทธิ์ผลนั้น เราต้องมองพรรคการเมืองที่แลนด์สไลด์ สิ่งที่ต้องทำคือช่วยประคับประคอง ให้การแก้ปัญหาความเป็นอยู่ ความยากจน เศรษฐกิจในภาพรวม ไม่ให้GDP ตกต่ำ อย่างทุกวันนี้ ทำให้เราจำเป็นต้องแลนด์สไลด์ และพรรคที่จะทำเรื่องนี้ได้ต้องเป็นพรรคเพื่อไทย ตนจึงตัดสินใจว่า ถ้าเราไปรวมกันตรงนี้ และทำให้แลนด์สไลด์ได้ จะเป็นส่วนทำให้แนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ประสบความสำเร็จ เป็นที่พึ่งที่หวังของพี่น้องประชาชนในเรื่องการแก้ไขปัญหาต่างๆ 

“ผมจึงได้ดำเนินการตัดสินใจ สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมแนวทางในการขับเคลื่อนแนวนโยบายต่อไปในวันข้างหน้า ในวันนี้ผมได้ทำหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยไม่ขอรักษาการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” นายสมศักดิ์ กล่าว 

สำหรับคนอื่นที่ต้องรักษาการตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ และได้เขียนใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนการ อย่างช้าที่สุด คือวันจันทร์ที่ 20 มี.ค. นอกจากนี้ตนได้ไปเรียนกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และการได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านไม่ได้มีปัญหา และท่านก็ได้ให้ศีลให้พรตามเอกภาพ ในส่วนของความแตกแยก หรือความไม่พึงพอใจอะไรต่างๆ นั้นก็ต้องเรียนว่าไม่มี

“การที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคมันเป็นปัญหา และเป็นอุปสรรค คนหนึ่งไปซ้าย คนหนึ่งไปขวา มันจะเป็นอุปสรรค ทำให้ไม่สามารถผลักดันนโยบายได้ การที่มีทีมงานในพรรคการเมืองที่ไม่เกิดความสามัคคีก็จะเป็นปัญหา และอุปสรรคของการขับเคลื่อนนโยบาย ผมได้พิจารณาดูแล้วว่า พรรคเพื่อไทยมีทีมงานที่ชัดเจนเข้มแข็ง และส่วนใหญ่ก็เป็นพรรคพวกกันมาก่อน ซึ่งไม่เคยมีความรู้สึกที่มีอะไรที่แตกต่างกัน เป็นบุคลากรที่เข้าใจและพูดคุยกันได้” นายสมศักดิ์ กล่าว 

ถามว่า ที่ออกจาก พปชร. เพราะเห็นว่าการทำงานใน พปชร. มีปัญหาใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาในส่วนของหัวหน้าพรรค แต่บางท่านในพรรคอาจจะมีบ้างที่เกิดความรู้สึกบ้างเล็กน้อย เพราะการอยู่ร่วมกันถ้าสามัคคีจะขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลได้ อย่างตนเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค เวลาจะขอร่วมมืออะไร ซึ่งหากยังมีอะไรไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะทำงานยาก แต่การเดินไปพรรคเพื่อไทยอุปสรรคที่จะมีนั้นน้อย
    
ถามว่า การย้ายไปพรรคเพื่อไทย ทำให้มั่นใจได้หรือไม่ว่าจะแลนด์สไลด์และตั้งรัฐบาลได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนดูจากโพลเมื่อสองเดือนที่แล้ว  พรรคเพื่อไทยได้ 220 ที่นั่ง แต่วันนี้ยังไม่มีตรงไหนเอามาให้ดู แต่ถ้าเราไปช่วย จะทำให้ตัวเลขของ ส.ส. ได้สูงขึ้น มันจะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนนโยบายได้มาก เชื่อว่าประชาชนเข้าใจและทำให้การเมืองในระบอบประชาธิปไตยมันง่ายขึ้นต่อการพัฒนา ไม่อย่างนั้นจะเสียเวลาต่อบ้านเมือง
    
ถามว่า เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลแน่นอนใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่าถ้าเข้าไปร่วมด้วยช่วยกัน  มั่นใจว่าจะได้มากขึ้น อาจเข้าสู่เป้าหมายที่ผู้บริหารพรรคพรรคเพื่อไทยวางไว้  เราเป็นแรงหนึ่งที่จะเข้าไปช่วยสนับสนุน ไม่ใช่ตนเก่งกล้าสามารถอะไร จะเข้าไปช่วยให้ดีที่สุด การเป็นรัฐบาลเป็นความใฝ่ฝันของทุกพรรค แต่จะเป็นได้หรือไม่ได้บางพรรคก็มีเงื่อนไขมาก บางพรรคก็ไม่มีใครเข้าไปร่วมเลยต้องตั้งเงื่อนไขให้ยากขึ้นไปอีก แต่มั่นใจถ้าประชาชนช่วยกันเลือกให้มากๆ ให้แลนด์สไลด์ พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล
    
ส่วนเป้าหมายจะถึง 310 ที่นั่งหรือไม่  ตนไม่กล้าที่จะไปคิด เพราะไม่ได้ถือโพล และยังไม่ได้ลงพื้นที่ในนามพรรคเพื่อไทย แต่ตนจะช่วยให้ผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยได้ทำงานสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
    
เมื่อถามว่า ถ้าหลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยกับ พปชร. จับมือกัน จะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรคและผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคที่จะคุยกัน ตนไม่สามารถตอบได้ ต้องให้เกียรติผู้บริหารพรรค และดูเหมือนขณะนี้ยังไม่ได้คุยกัน เมื่อวันที่ 16 มี.ค. พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ฟัง ซึ่งตนพยายามถามแต่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แสดงว่ายังไม่มีการคุยกัน
    
เมื่อถามถึงกรณี ผอ.นิด้าโพลระบุว่า การที่กลุ่มสามมิตรย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยทำให้ได้ 310 เสียง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อาจจะให้เกียรติสามมิตร แต่ตนเรียนว่าพรรคเพื่อไทยมีพื้นที่ใหม่ๆ ที่สามารถช่วยกันสร้าง ส.ส.ในพื้นที่ได้ ไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้ยึดแนวทางเรื่องของนโยบายเป็นหลักมากนัก เช่น มีผู้ใหญ่ บ้านใหญ่เข้าไปเยอะแยะ ใช้ปัจจัยอื่นๆ ในการหาเสียง แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยใช้นโยบาย ไม่ได้ใช้ปัจจัยอื่น เชื่อว่าแลนด์สไลด์จะทำได้สำเร็จ และมั่นใจว่าตัวเลขอาจจะมากกว่านั้นก็ได้
    
เมื่อถามว่า กลุ่มสามมิตรถูกมองว่าไปจับมือกับพรรคไหน พรรคนั้นมีแนวโน้มที่จะได้เป็นรัฐบาล เลยมองว่าเสียงอาจจะเทไปที่กลุ่มสามมิตร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราจะไปหาพื้นที่ใหม่ มีคนตามมาเท่าไหร่นั้น ตนไม่รู้ ไม่ได้นับ เพราะ ส.ส.ทั้งหลายมีเอกสิทธิส่วนตัว ไม่สามารถเกี่ยวนำไปไหนมาไหนได้ อยากไปก็ไป ถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องไป แต่ในเขตจังหวัดนั้นมีพื้นที่ใหม่ๆ ที่สามารถสร้างพื้นที่นั้นให้เป็นประโยชน์ได้ อย่างเช่น ครั้งที่แล้วตนดูแลภาคเหนือตอนล่าง มีพื้นที่ให้ตนจังหวัดเดียวคือ จ.สุโขทัย เพราะพื้นที่อื่นเขายึดหมด นอกจากนี้ ให้ตนไปดูในพื้นที่ที่ไม่มีใครช่วย จนไปสร้าง ส.สในพื้นที่ใหม่ๆ ได้หลายคน ถ้าไม่ได้พื้นที่ใหม่ช่วยตนคงแย่ไปแล้ว และสถิติการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะมี ส.ส.ใหม่เข้ามา 50%
    
เมื่อถามว่า การตัดสินใจลาออก ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือยัง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ แต่นายกฯพูคคุยกับสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งนายสุริยะถ่ายทอดให้ฟังว่านายกฯไม่ได้ติดใจอะไร และขอให้โชคดี และฝากนายสุริยะให้มาบอกกับตนด้วย ทั้งนี้ ขอบคุณนายกฯ ที่ให้พวกตน และตนมีโอกาสได้ทำงาน ได้แสดงฝีมือ เพราะตนเมื่อย้ายไปอยู่ตรงไหน ตนทำงานเต็มที่ อย่างตอน พปชร. อยู่กระทรวงยุติธรรม ประธานวุฒิสภายังบอกว่าเดิมเป็นกระทรวงเกรดซี แต่วันนี้เป็นเกรดเอแล้ว มีคนมาเล่าให้ตนฟัง นอกจากนี้พล.อ.ประวิตรที่ให้การสนับสนุนในเรื่องงานต่างๆ อย่างดียิ่ง ตนทำงานเต็มที่ ไปพรรคเพื่อไทยก็เต็มที่ ไม่มีย่อหย่อน 

เมื่อถามว่า ครั้งหน้าถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล มีเก้าอี้ที่คาดหวังจะทำประโยชน์ให้ประชาชนหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คาดหวัง เพราะการคาดหวังจะทำให้เราเสียใจ ตนเคยคาดหวังไว้กระทรวงหนึ่ง แต่ถึงเวลาได้อีกกระทรวง และถ้าเราเป็นรัฐมนตรีโดยที่ทีมงานของรัฐบาลไม่เป็นอันหนึ่งเดียวกันแล้วไม่สามารถขับเคลื่อนได้มันจะยาก ทำให้เกิดความขัดแย้งตามมา ไม่มีประโยชน์ ทำการเมืองอยากให้เป็นทีมเดียวทีมใหญ่ อยากให้แลนด์สไลด์ อยากได้ 300 กว่าที่นั่ง

เมื่อถามว่า กังวลเรื่องความรู้สึกของคนเสื้อแดงหรือไม่ เพราะอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์มา และย้ายมาพรรคเพื่อไทย สมศักดิ์ กล่าวว่า ก็มีบ้าง เพราะเราเปลี่ยนที่ในขณะที่คนอื่นเขาอยู่กัน แต่ส่วนใหญ่ที่ตนได้รับข้อมูลมา ถ้าคิดเป็น % ก็สูงมาก จากการได้แสดงความรู้สึก อย่างไรก็ตาม ตนไม่ประสงค์จะดำเนินการทางการเมืองในแบบกลุ่ม แต่จะดำเนินการตามแนวนโยบายของพรรค เพราะมั่นใจแนวปฏิบัติในพรรคเพื่อไทยจะทำให้เกิดความสมดุลได้

เมื่อถามว่า ไปพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังเรียกกลุ่มสามมิตรได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะใช้แล้ว ไม่น่าจะมีกลุ่มด้วย และที่มาของกลุ่มสามมิตรนั้น เริ่มต้นจากการเมืองครั้งที่แล้ว นายภิรมย์ พลวิเศษ มาแวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวที่นี่ และได้นัดพูดคุยกับตนเกี่ยวกับปัญหาของประชาชน เลยชวนนายสุริยะมายืนถ่ายภาพด้วยกันสามคน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสามมิตร ไม่คิดจะเป็นกลุ่มใหญ่โตอะไร แต่วันนี้เหลือสองมิตรคือ ตนกับนายสุริยะ เพราะนายภิรมย์ได้จากไปแล้ว และตนไม่คิดจะไปตั้งกลุ่มอะไรแล้ว 

เมื่อถามว่า ถ้าเกิดแลนด์สไลด์ขึ้นมา แล้วทหารไม่ยอมรับจนมีการรัฐประหาร นายสมศักดิ์  กล่าวว่า มันเป็นเรื่องนอกระบบ เป็นเรื่องของประชาชนและสื่อมวลชน และตนไม่เคยเดินขบวน เป็นผู้แทนตั้งแต่ปี 26 เป็นคนเดียวที่ไม่เคยเดินขบวน ไม่มีนอกระบบ ไม่เคยต้องไปถือไม้ไล่ตี ตนชอบดูมวย ชกมวยได้ เก่งด้วย แต่ไม่เคยไปเดินข้างถนน ฝักใฝ่แต่เรื่องทำงาน ถึงได้เป็น ส.ส.ได้นาน 

เมื่อถามว่า อุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทยคืออยู่ตรงข้ามพรรคพลังประชารัฐ และพล.อ.ประยุทธ์ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถึงเวลาการเลือกตั้งจบแล้ว รัฐบาลมันอยู่ที่ตัวเลขของ ส.ส. โกรธกันแทบตาย ถ้าเหลือสองพรรคก็ต้องหาทางลดหย่อน ต้องลดและปรับแนวทางเป็นรัฐบาลร่วมกัน แต่ถ้าเป็นรัฐบาลหลายพรรค การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจะทำได้ไม่เต็มที่ ฉะนั้น เลยอยากให้ประชาชนมาช่วยทำแลนด์สไลด์ให้สมหวัง แต่ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกกันไป

เมื่อถามว่า คิดว่าจะได้เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับที่เท่าไหร่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เกิน 50 ก็ได้เป็น ส.ส. เมื่อถามว่า มีการมองว่านายสมศักดิ์น่าจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับ พปชร. นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้กลุ่มสามมิตรมีอยู่ทุกพรรคการเมือง ทุกพรรคการเมืองมันสามารถเชื่อมกันได้ทุกพรรคอยู่แล้ว เมื่อถามว่า แสดงว่าวางไว้หมดทุกพรรคแล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้วางแต่มันบังเอิญ  

TAGS: #สมศักดิ์ #เทพสุทิน #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66 #ยุบสภา #พปชร.