“สว.สมชาย” ยืนยันยื่นศาล รธน.สอย “เศรษฐา” ไร้ใบสั่ง - มั่นใจนายกฯ รู้อยู่แล้ว “พิชิต” ขาดคุณสมบัติ - ลุ้นฟันอาญาต่อดาบ 2 – เมินไม่กลัวถูก “ทักษิณ” เช็กบิลย้อนหลัง
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะ 1 ใน 40 สว.ที่ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบพฤติกรรมทางจริยธรรมของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการดังกล่าว โดยยืนยันว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่มีเบื้องหน้า เบื้องหลังใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องการเมือง เพราะนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้รับผิดชอบรายชื่อที่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี และรู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต มีปัญหาในคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามจากการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้วที่ไม่ได้ทูลเกล้าฯ ชื่อของนายพิชิต แต่ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็มีการเลือกถามบางประเด็นในคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ต่อกฤษฎีกา ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบต่อการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี และเข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขาดคุณสมบัติต่อการเป็นรัฐมนตรี
ส่วนที่มีการวิเคราะห์มีใบสั่งทางการเมืองเพื่อเตือนจากกลุ่มอำนาจเก่าว่ารัฐบาลอย่าล้ำเส้นนั้น นายสมชาย มองว่า เป็นการวิเคราะห์ที่เกินเลยไปของสื่อมวลชน แต่ สว.ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบมาโดยตลอด จึงไม่จำเป็นต้องให้ใครสั่ง และต้องการเห็น กกต. และ สส.ฝ่ายค้านทำหน้าที่ เพื่อไม่ต้องให้ สว.ต้องดำเนินการเอง หรือข้อวิจารณ์ที่ สว.พยายามปิดสวิตช์นายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ สว.ก็ต้องทำหน้าที่ และแม้จะต้องรอ สว.ชุดใหม่มาปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่ สว.ปัจจุบัน ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่า สว.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่แทน ยกเว้นการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
นายสมชาย ยังยืนยันว่า ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ สว.ดำเนินการอย่างรอบคอบ และมีการตรวจทานเอกสารถึง 14 ครั้ง ซึ่งหากเปรียบเป็นข้าวก็ซาวถึง 14 น้ำ เพราะ กกต. และฝ่ายค้าน ไม่ได้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่ก็มีความพยายามจากบุคคลในรัฐบาล ติดต่อประสาน สว.อย่าร่วมลงชื่อ พร้อมปิดผนึกเอกสารลับ เพื่อป้องกันไม่ให้ สว.และครอบครัวถูกคุมคามเหมือนในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เช่น โยกย้ายลูกหลาน สว.ที่เป็นข้าราชการ หรือเข้าไปตรวจสอบภาษีธุรกิจของเครือญาติ สว.
ส่วนกรณีกังวลจะถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุรับรู้ใครเป็นผู้บงการเช็กบิลตามหลังหรือไม่นั้น นายสมชาย ยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังใด ๆ และดำเนินการตามหน้าที่ เพื่อบ้านเมืองตรงไปตรงมา และต่างคนต่างทำหน้าที่ ดังนั้น รัฐบาลควรจะไปแก้ไขข้อกล่าวหา และนายทักษิณ ควรกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะถ้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือเป็นนายกรัฐมนตรีเงา ก็อาจจะมีความผิดข้อหาเกี่ยวกับเรื่องการครอบงำ แทรกแซงได้
นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรียุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยว่า สว.ได้ยื่นไปตามรูปแบบ แต่ก็เคารพมติศาลรัฐธรรมศาลธรรมนูญ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เชื่อว่า เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แม้จะอยู่ใต้บัญชาการของนายกรัฐมนตรี แต่ก็จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่บิดเบือนข้อมูล เพราะตามคำร้องของ สว.นั้น ก็ได้แนบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาไปด้วย และเชื่อว่า หากจะมีการไปยุ่งเหยิงกับพยานก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายได้ และหากศาลรัฐธรรมนูญให้ผู้ร้องไปร่วมการไต่สวนด้วย ตนเองก็มีความพร้อม และคาดว่า คดีนี้ศาลจะใช้เวลาพิจารณาราว 2 เดือน
ส่วนผลของคดีนอกจากการพ้นจากตำแหน่งแล้ว จะยังมีทางออกอื่นอีก เช่น การตักเตือนได้หรือไม่นั้น นายสมชาย มองว่า คดีดังกล่าว สามารถเทียบเคียงได้กับคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.เพราะนายเศรษฐา รู้ หรือเคยรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติ แต่ยังนำความขึ้นกราบบังคมทูลแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ฉะนั้น หากศาลวินิจฉัยว่าผิด ก็จะต้องพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี และคดีอาญา ก็อาจจะเป็นไปตามลักษณะคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์
ส่วนกรณีที่มีทนายคนหนึ่งกล่าวหา สว.มีการปลอมแปลงลายเซ็นนั้น นายสมชาย ชี้แจงว่า สว.จะหารือกันต่อไปว่าจะมีการดำเนินคดีหรือไม่ เนื่องจาก เป็นการทำลายความน่าเชื่อของ สว.ทั้งที่ทนายคนดังกล่าว ไม่ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายแต่อย่างใด และ สว.ที่ร่วมลงชื่อก็มีวุฒิภาวะ ไม่ยินยอมให้ใครปลอมแปลงลายเซ็น
นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับได้มีการปรึกษาหารือกับนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า เป็นสิทธิของนายกรัฐมนตรี เพราะนายวิษณุ เป็นนักกฎหมายที่เก่ง ซึ่งอาจให้คำแนะนำได้ แต่ตนเองก็ยังไม่มั่นใจว่า จะเป็นในเรื่องคดีดังกล่าวหรือไม่