"ชัยธวัช" รับ นิรโทษกรรม คดีม.112 มีผลกระทบ หลัง “ทักษิณ” ถูกอสส.สั่งฟ้อง มองเป็นชนวนให้เกิดปัญหาทางการเมือง ย้ำกมธ. เร่งพิจารณาเนื้อหา ส่งสภาฯ เดือน ก.ค.นี้ ปัดตอบ จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่หรือไม่
นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาฯ กล่าวยอมรับต่อประเด็นการขับเคลื่อนการนิรโทษกรรมในคดีมาตรา 112 ว่าจะมีอุปสรรคมากขึ้น หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกอัยการสูงสุด สั่งฟ้องในคดีความผิดตามประมวลกฎหมาอาญามาตรา 112 ทั้งนี้ในกมธ.ยังไม่ได้หารือ แต่ส่วนตัวมองว่าจะมีผลกระทบ
เมื่อถามว่าการศึกษาของกมธ.จะวางหลักอย่างไร เมื่อมีประเด็นผูกโยงกับกรณีของนายทักษิณและกมธ.มีคนของพรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมาก นายชัยธวัช กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่ากรณีของนายทักษิณ จะทำให้การเสนอพิจารณานิรโทษกรรมมีปัญหาทางการเมืองมากขึ้น แต่การทำงานของกมธ. ที่จะประชุมวันนี้ (30 พ.ค.) ประเด็นของมาตรา 112 ไม่ใช่วาระหลักที่จะพิจารณา แต่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ กลไกกรรมการที่ทำหน้าที่พิจารณาคดีที่จะได้รับการนิรโทษกรรม ทั้งองค์ประกอบ อำนาจ หน้าที่ ของกรรมการเป็นอย่างไร ซึ่งมอบหมายให้อนุกรรมการไปศึกษา
“ในรูปแบบคณะกรรมการที่จะพิจารณาคดีที่จะได้รับการนิรโทษกรรม แทนการบัญญัติฐานความผิดให้นิรโทษกรรมโดอัตโนมัติ เพราะอาจไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่มีคดีความต่อเนื่องยาวนาน อย่างไรก็ดีที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ากรรมการอาจมีอำนาจเหนือศาลหรือรัฐบาลนั้น ข้อเท็จจริงกฎหมายนิรโทษกรรมคือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ผ่านอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และสามารถทำได้ ซึ่งทำมาทุกครั้ง เช่น การนิรโทษกรรมในอดีต ในคดีมาตรา 112 สามารถออกพระราชกำหนดแบบสั่งให้คดีหมายเลขนี้ ที่อยู่ในชั้นศาลให้ปล่อยตัวได้” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่าในการทำงานได้วางหลักการของผลศึกษาอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องเสนอแนวทางของการออกกฎหมายที่มีรายละเอียด ไม่ใช่เสนอแค่กรอบกว้างๆ จับต้องไม่ได้ คือ ต้องมีการพิจารณาในกรอบคดีที่ควรได้รับการพิจารณา กรอบเวลากระบวนการนิรโทษกรรม รวมถึงทางเลือก ข้อดี ข้อเสีย รวมถึงรายละเอียดว่านิรโทษกรรมจะกินความแค่ไหน จะรวมถึงการล้างมลทินให้บุคคลที่เคยได้รับคำพิพากษาหรือได้รับโทษเสร็จสิ้นหรือไม่ เป็นต้น
เมื่อถามย้ำถึงการกำหนดบัญชีแนบท้ายเพื่อนิรโทษกรรมความผิด นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ถกเถียงเช่นกันว่าจะมีบัญชีแนบท้ายหรือไม่ หากพิจารณาให้มีกรรมการแล้วบัญชีแนบท้ายไม่จำเป็น อีกทั้งการเสนอบัญชีความผิดใน 25 ฐานความผิด รวมกันแล้วมีมากถึง 2 ล้านคดี ซึ่งการใส่บัญชีนั้นมีข้อจำกัดในตัวเอง
“กมธ.จะเร่งทำงานเพื่อทำให้เกิดรูปธรรม และสรุปว่าจะใช้กลไกแบบไหนเพื่อพิจารณานิรโทษกรรม รวมถึงมีอำนาจกำหนดเงื่อนไขบางคดี หรือบางประเภทเพื่อเป็นเงื่อนไขหรือกระบวนการเบื้องต้นก่อนได้รับพิจารณานิรโทษกรรมหรือไม่ หรือเป็น เอมเนสตี้โปรแกรม เพื่อพิจารณาเรื่องที่ละเอียดอ่อนทางการเมือง ซึ่งหลังจากนี้จะประชุมทุกสัปดาห์เพื่อทันส่งให้สภาฯ พิจารณาช่วงเปิดสมัยประชุม เดือน ก.ค. นี้” นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนกรณีถ้านายทักษิณ ชนะคดีม.112 จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้กับผู้ถูกดำเนินคดีรายอื่นหรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า เรื่องการต่อสู้คดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะข้อเท็จจริงรายละเอียด พฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา ในคดีไม่เหมือนกัน การพิจารณาก็อาจอยู่ในบรรยากาศทางการเมืองไม่เหมือนกัน คงจะบอกไม่ได้ว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานหรือไม่ แต่การได้รับข้อปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น สิทธิในการประกันตัว เพื่อจะทำให้มีสิทธิในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ รวมถึงถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ควรเป็นบรรทัดฐานทั่วไป หากใครที่จะไม่ได้รับการประกันตัวเป็นกรณียกเว้นที่มีเหตุจริงๆ ควรมีเหตุผลให้ชัด ส่วนผลตัดสินไม่เหมือนกันในแต่ละคดี พูดยากว่าคดีไหนจะชนะหรือแพ้ในชั้นศาล
เมื่อถามว่าจะกลายเป็นคดีนักโทษเทวดา รอบ2 หรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เดี๋ยวรอดู ตนเห็นด้วยที่บรรทัดฐานในกระบวนการยุติธรรมควรเหมือนกัน
“การพูดแบบนี้ไม่ได้อยากให้นายทักษิณ โดนกระทำในคดีนี้ แต่เราอยากเห็นบรรทัดฐานที่เท่าเทียมกัน ในระบบกฎหมาย ระบบนิติรัฐ ที่มีความชัดเจนแน่นอน ยึดถือสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนเป็นตัวตั้ง“ นายชัยธวัชกล่าว
เมื่อถามว่าจะเป็นเกมการเมืองเพื่อดึงขั้วเก่ากลับมาเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องจับตาดู สถานการณ์โดยรวมน่าเป็นห่วง ความมีเสถียรภาพ ความชัดเจนแน่นอนทางการเมืองโดยรวมมีปัญหา เมื่อการเมืองไม่มีเสถียรภาพการที่จะมีสมาธิโฟกัสไปกับการแก้ปัญหาของประเทศเฉพาะหน้า และระยะยาวจะถูกกระทบไปด้วย เชื่อว่าฝ่ายการเมืองก็คงจับตาดูสถานการณ์อยู่ โดยรวมสถานการณ์การเมืองก็ไม่ดีมากนัก