"วิษณุ" เข้าทำเนียบครั้งแรกหลังรับตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ บอกไม่ตื่นเต้น เหมือนกลับบ้าน ทำงานเข้าออกมา 30 ปี เตรียมประเดิมงานแรก ตรวจคำชี้แจงนายกฯ ก่อนส่งศาลรัฐธรรมนูญ เมิน คนเพื่อไทยต้าน
นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาล หลังได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ว่า ตนเคยเข้าออก ทำเนียบรัฐบาล 30 ปีแล้ว ซึ่งไม่มีอะไรแปลกใหม่ ตื่นเต้นหรือโลดโผนอะไร ครั้งนี้ทำหน้าที่ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ตามที่ท่านมีคำสั่งมอบหมาย และอนุญาตให้เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีได้ เผื่อจะมีประเด็นบางอย่างที่ท่านสั่ง หรือประเด็นที่เกิดการถกเถียง ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ก็จะได้เสนอความเห็น ก็คงมีแค่นั้นไม่มีอะไรมากมาย คงทำหน้าที่เหมือนนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
นายวิษณุ ยอมรับว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ตรวจทานคำชี้แจงร่างคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี ที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องธรรมดาที่หนีไม่พ้น เพราะคนที่ทำเรื่องนี้จริงๆคือทีมงาน ของนายกรัฐมนตรี และนายพิชิตก็เป็นหนึ่งในทีมนั้น เป็นเรื่องของนายนายพิชิตเองนายกรัฐมนตรีไม่ทราบ กฤษฎีกาได้เสนอความเห็นมา สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทำคำเสนอมาเช่นกัน ซึ่งคงให้ตนนั้นตรวจดูสักครั้งหนึ่ง เสร็จจากตนก็อาจจะมีคนอื่นตรวจดูอีกก็ได้ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าร่างฉบับแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะส่งให้ตนดูภายในวันนี้ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเสนอลงนาม รัฐธรรมนูญไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ทันภายในวันที่ 7- 8 มิถุนายนนี้
ส่วนรายละเอียดในเรื่องของคำชี้แจง พอจะมีคำชี้แจงที่นายกรัฐมนตรีพอจะสู้คดีได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าเปิดเผยจนเสียรูปคดีไป เพราะถ้าจะสู้คดีคงไม่มาเปิดเผย
นายวิษณุ ยังปฏิเสธ ว่า ไม่ทราบกรณีที่มีการวิเคราะห์กันว่าความเสี่ยงของนายกรัฐมนตรีนั้น 50:50 และไม่ขอยืนยัน ว่าจะมีช่องทางที่นายกรัฐมนตรีจะสู้คดีให้ชนะได้หรือไม่
“ผมจะไปยืนยันได้อย่างไร ว่าแพ้แหงๆ” อีกทั้งยังไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งจะได้เห็นคำชี้แจงในวันนี้
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่าการกลับมาของนายวิษณุ มีอะไรที่มากกว่า สุขภาพเพราะเป็นการฝ่าวิกฤตเรื่องเรื่องของสุขภาพเข้ามารับตำแหน่ง นายวิษณุยอมรับว่า ก็คิดหนักอยู่แล้ว ว่าเหมือนคนไม่เจียมตัว แต่ว่าเห็นใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มีการยกเหตุผลมาอธิบายในหลายอย่างให้ฟัง ซึ่งตนคิดว่าจะมาช่วยในสักระยะหนึ่ง ก็ไม่น่าจะทำให้ตนเองเกิดความอันตรายอะไร และไม่น่าจะเป็นผลเสียอะไรกับประเทศชาติ ตื่นเต้นซึ่งไม่มีอะไรที่ต้องตื่นเต้นมากนัก ในการเป็นที่ปรึกษาธรรมดา ซึ่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีนั้นมีที่ปรึกษาทางการเมือง 5 ตำแหน่ง และมีเงินเดือน ส่วน ตำแหน่งของตนนั้นไม่ใช่ที่ปรึกษาทางการเมือง ไม่มีตำแหน่งไม่มีรถประจำตำแหน่ง ไม่มีบริษัทบริวารตามหลัง นอกเสียจากจะไปหาเอาเอง ห้องทำงานก็ไม่มี และหากมีอะไรนายกรัฐมนตรีอาจจะปรึกษาหรือมอบให้ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีมาปรึกษาและ ยืนยันให้ท่านมั่นใจอะไรในบางเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ตนทำงานที่บ้าน มีเพียงวันอังคารที่จะเข้ามาทำเนียบรัฐบาล เวลา 11.00-12.00 น. ไม่มีอำนาจอะไร ซึ่งอาจมีหน้าที่ในการทักท้วง คงทำได้ถ้าจะท้วง แต่คงไม่ท้วงทุกเรื่อง เพราะเขาทำมาถูกแล้วจะท้วงทำไม ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร ที่รัฐบาลจะมีคนนอกเข้ามานั่ง อย่างน้อยไม่ใช่มานั่งเพื่อที่จะท้วง แต่นั่งเพื่อที่วันหนึ่ง เมื่อรัฐมนตรีไปกันหมดแล้วและเกิดคดีความ จะมีคนช่วยเป็นพยาน แม้ข้าราชการจะทำได้แต่ก็ต้องการคนนอกที่ไม่มีส่วนได้เสียเข้ามาช่วย
ทั้งนี้ นายวิษณุจะช่วยงานนายกรัฐมนตรีจนครบวาระของรัฐบาล หรือมาตามภารกิจ นายวิษณุกล่าวว่า อนาคตตนไม่ทราบ ได้พูดคุยแต่เท่าที่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี คือการมาช่วยเป็นบางกรณี แต่ในอนาคตมีหลายบางกรณี ภารกิจก็อาจจะมากขึ้น ส่วนจะการันตีหรือไม่ ว่าการที่ตนเข้ามานั้นรัฐบาลจะอยู่ครบเทอม นายวิษณุ ตอบว่าไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของฝีมือรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงเหตุผลที่นายวิษณุกลับเข้ามา ทำงานกับรัฐบาล ในเมื่อเงินก็มีแล้ว เกียรติยศก็มีแล้ว นายวิษณุต้องการอะไรอีก นายวิษณุ กล่าวว่า ประเทศชาติน่าจะต้องการคนช่วยแก้ปัญหา คนเล็กๆคนหนึ่งที่จะช่วยรัฐบาลแก้ปัญหาในบางเรื่อง ที่รัฐบาลมีข้อสงสัย สมัยที่นายพิชิตอยู่หรือใครก็ตาม เขาก็ช่วยได้แต่ตนเพียงมาทำหน้าที่แทนเท่านั้นเอง ไม่ได้ต้องการเงินไม่ได้ต้องการเกียรติยศ แต่เป็นการลดเกียรติด้วยซ้ำไป จากรองนายกรัฐมนตรีมาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ปรึกษาแบบนี้สมัยที่ตนเป็นรองนายกฯ ตนได้แต่งตั้งถึง 10 คน ซึ่งในสมัยม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกว่า ตำแหน่งเทกระโถน
ผู้สื่อข่าวถามว่าตัดสินใจนานหรือไม่ที่จะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นายวิษณุกล่าวว่า ตัดสินใจต่อหน้าท่านนายกรัฐมนตรีเลย ได้มีการซักซ้อมอะไรกันหลายอย่าง อะไรที่ตนทำได้และอะไรที่ตนไม่ควรทำ และยังไม่มีเรื่องไหนที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทำเป็นเรื่องแรก ยังไม่มีสักเรื่องเลย ซึ่งการตรวจคำชี้แจงซึ่งเป็นงานที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีไหว้วานให้ช่วย และถึงขณะนี้ ยังไม่มีการขอคำปรึกษาใดเป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนคุยกับท่านนายกรัฐมนตรีได้มีการตกลงเงื่อนไขอะไรเป็นพิเศษในการรับตำแหน่งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มี เป็นเพียงเงื่อนไขเล็กๆ ไม่ใช่เงื่อนไขเกี่ยวกับตน แต่เป็นเงื่อนไขในเรื่องส่วนตัว ระหว่างตนกับนายกรัฐมนตรี
ส่วนการมาช่วยงานในครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงเรือแป๊ะต่อหรือไม่ นายวิษณุปฏิเสธว่าไม่ใช่ คนละแป๊ะ แป๊ะแกขึ้นไปแล้ว แต่เวลานี้เป็นเศรษฐีมาไม่ใช่แป๊ะครับ ผู้สื่อข่าวจึงถามกลับว่า เป็นเรืออะไรดี นายวิษณุตอบกลับว่า ขออย่าไปเปรียบเลยเพราะเปรียบไม่ได้ ตนไม่ใช่คนในรัฐบาล ไม่เรียกว่าร่วมรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้นายวิษณุได้มีการเตือนรัฐบาลชุดก่อน ว่าต้องระวังสนิมเนื้อใน ซึ่งในรัฐบาลชุดนี้จะต้องมีการเตือนอะไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีการเตือนอะไร เขารู้กันเอง ฝ่ายการเมืองเขาเตือนกันเอง
ส่วนกรณีที่รัฐบาลพยายามจะผลักดันเรื่องนิรโทษกรรม นายวิษณุจะให้คำปรึกษาอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้พยายามแต่สภา พยายาม แต่ก็ต้องส่งมาให้รัฐบาลดู ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ยังมีช่องว่างอยู่ระหว่างสภากับรัฐบาล ยังไม่มีการพูดอะไรกันถึงในเรื่องนี้ ส่วน รัฐบาลจะต้องทำร่างร่วมกับทางสส.หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็คงเหมือนกับกรณีทั่วไป หากรัฐบาลเห็นว่ามีความจำเป็นก็ต้องทำร่างเข้าไป เพราะฉบับของรัฐบาลมีข้อความที่แตกต่างจากฉบับของสส. แต่ถ้าไม่แตกต่างกันก็ไม่รู้จะมีไปทำไม มีไปก็ให้ไปรวมเป็นฉบับเดียวกัน เป็นเรื่องของทางการเมืองตนไม่ทราบ และเรื่องยังไม่ถึงรัฐบาลด้วยซ้ำยังอยู่ในชั้นกรรมาธิการ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เรื่องดังกล่าวมีความพยายามตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะรวมคดี ม.112 เข้าไปด้วยนั้น มองว่ามีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าตนไม่ทราบ ตอบไม่ถูก
ส่วนกรณี นายวิษณุเคยระบุว่า ครม.ชุดนี้มีแต่คนไม่รู้คุยกันในครม. มองว่ามีเรื่องไหนที่ไม่รู้แล้วทำไปบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีพวกคุณนั่นแหละที่ไปวิจารณ์กันเองแล้วบอกว่าไม่รู้กับไม่รู้ ไม่รู้แต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว เพียงแต่ว่า แต่ละคนรู้ในเรื่องของตนเอง ไม่รู้เรื่องของคนอื่น ก็อาจจะมีอะไรที่ขัดแย้งกันบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ซึ่งตนก็อ่านมาจากหนังสือพิมพ์เช่นกัน
ส่วนที่มีกระแสต้านจากคนภายในพรรคเพื่อไทย นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่เดือดร้อน ถ้าจะต้านมากๆตนไม่อยู่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะตนไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย ปกติวันอังคารตนก็นอนอยู่บ้าน
ในตอนท้ายนายวิษณุได้พูดติดตลกกับผู้สื่อข่าวว่า อุตส่าห์หนีมาประตูด้านหลัง ก็กลัวจะไปแย่งซีนรัฐมนตรี ต่อไปไม่มีแล้วจะเดินเข้าไปหาเลย