"ชัยธวัช" อัดตั้งงบ68  "เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้"ตอบสนองฝ่ายการเมือง  ดันทุรัง"ดิจิทัลวอลเล็ต" 

"ชัยธวัช" เย้ยรัฐบาลจัดงบฯ 68 แบบ IGNORE THAILAND ตอบสนองฝ่ายการเมือง เอาอนาคตประเทศวางเดิมพัน เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ เตือน ดันทุรัง"ดิจิทัลวอลเล็ต" เสี่ยงเกิดปัญหาวิกฤตการคลัง

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 2 วาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 เป็นวันแรก นายชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวอภิปรายเป็นคนแรกของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อสรุปภาพรวมของญัตติ

นายชัยธวัช เริ่มต้นอภิปราย โดยแสดงความห่วงใยนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่า หวังว่าสุขภาพของท่านจะฟื้นคืนจากอาการป่วยก่อนหน้านี้โดยเร็ว

นายชัยธวัช กล่าวต่อไปว่า วงเงินของงบประมาณรายจ่ายปี 2568 ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 3.7 ล้านล้านบาท โดยแหล่งที่มาหลักมาจากรายได้รัฐบาลและเงินกู้ เป็นการจัดงบฯ แบบขาดดุลต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลประมาณการรายได้ไว้ 2.8 ล้านล้านบาท รายจ่ายจะนำมาจากเงินกู้ 8.6 แสนล้านบาท มาชดเชยการขาดดุล ถือเป็นการวางวงเงินกู้ไว้เกือบชนเพดาน และเป็นการเพิ่มงบประมาณในสัดส่วนสูงสุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว ซึ่งจะคุ้มค่าหรือไม่นั้น จำเป็นต้องดูในรายละเอียดว่ารัฐบาลกำลังจะนำเงินของเราไปใช้ทำอะไร

“การจัดสรรงบประมาณปี 2568 ถือว่าอยู่ในอำนาจเต็มของรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้อีกต่อไป แต่เมื่อเราไปดูในรายละเอียด กลับต้องผิดหวังกว่าครั้งก่อน แทบจะหมดหวัง เพราะจัดสรรงบฯ แทบจะเหมือนเดิม ปัญหาเดิมๆ เพิ่มเติมคือดิจิทัลวอลเล็ต” ชัยธวัชกล่าว

นายชัยธวัช วิจารณ์ว่า งบประมาณ 2568 นี้ มีปัญหาคือเป็นการจัดสรรงบฯ ที่ดูเหมือนมียุทธศาสตร์ แต่ไม่มียุทธศาสตร์ เพราะมีแต่คำพูดสวยหรู แต่รายละเอียดก็ซ้ำซาก ซ้ำซ้อน เบี้ยหัวแตก ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนจับต้องได้จริง ตัวชี้วัดก็เหมือนเดิมคือใช้ไม่ได้จริง เป็นการใช้งบแบบไม่สนใจผลลัพธ์ในทางปฏิบัติ

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลใหม่มาปรับแก้งบฯ 2567 กลางทาง อย่างน้อยยังมีโครงการใหม่ๆ ถึง 236 โครงการ มาในงบฯ ปี 2568 กลับมีโครงการใหม่เพียง 163 โครงการ และยังเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่อีกมาก งบการลงทุนจำนวนมากก็เป็นรายจ่ายที่ไม่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจจริงๆ แต่ไปยึดโยงกับกลุ่มทุนผลประโยชน์ที่มีส่วนผลักดันรัฐบาลเข้าสู่อำนาจ

นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า รัฐบาลใหม่ของเรานั้น เอาเข้าจริงๆ ไม่มีวาระทางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าจะทำอะไรกันแน่ แต่ละกระทรวงต่างอยู่ในอาณาจักรของตนเอง ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างไร้ทิศทาง ผู้นำรัฐบาลก็ถนัดสั่งการ แต่มีแนวทางปฏิบัติให้หน่วยงานจริงหรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร เพราะในการจัดงบประมาณฉบับใหม่นี้ ก็เห็นอาการว่า นายสั่ง แต่ไม่บอกว่าให้ทำอะไร ข้าราชการก็เอาโครงการเก่ามาแปะป้ายใหม่ ว่าสนองนโยบายใหม่ของรัฐบาล

“อย่างไรก็ตาม หากจะมีอะไรใหม่สำหรับวาระของรัฐบาลที่สะท้อนอย่างชัดเจนผ่านงบประมาณ คงมีเรื่องเดียวคือความพยายามผลักดันในระดับที่เรียกว่าดันทุรัง เพื่อให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้นสำเร็จ ดันทุรังในระดับเจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้” นายชัยธวัชกล่าว

โดยรายละเอียดงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ปรากฏอยู่ในงบกลาง และเป็นรายการตั้งใหม่ ใช้ชื่อว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท คิดเป็น 18.9% ของงบกลาง และมีการคาดการณ์ต่อว่า หากงบประมาณไม่พอ จะใช้เงินจาก ธ.ก.ส. ราว 1.7 แสนล้านบาท รวมถึงจะของบกลางปี 2567 เพิ่มอีก 1.2 แสนล้านบาท และหากยังไม่พอ รัฐบาลอาจออก พ.ร.บ.โอนงบประมาณจากงบสำรองรายจ่ายฉุกเฉินหรือจำเป็น มาเพิ่มอีกได้

โดยภาพรวม ผลของความพยายามจัดสรรงบประมาณมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น เสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาทางการคลังเฉพาะหน้าและระยะยาว ภาระการจ่ายหนี้ของภาครัฐจะสูงขึ้นแน่นอนในอนาคต และชัดเจนว่าเราจะสูญเสียพิ้นที่ทางการคลัง หากมีความจำเป็นฉุกเฉินหรือต้องลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคตอันใกล้

“ในเมื่อรู้ว่าเสี่ยงขนาดนี้ แล้วทำไมถึงมีลักษณะ เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ คำตอบง่ายๆ คือ ปัญหาเป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้ประสบวิกฤตความชอบธรรมทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล จนถึงวันนี้ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าจะแก้ปัญหาปากท้องได้ พรรคแกนนำรัฐบาลจึงเหลือความหวังเดียว คือคิดว่าหากสามารถผลักดันนโยบายเรือธงได้สำเร็จ ความชอบธรรมของรัฐบาลก็จะฟื้นคืนกลับมา ที่มาคือปัญหาความชอบธรรมของรัฐบาล” ชัยธวัชระบุ

นายชัยธวัช ชี้ว่า ในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ข้าวยากหมากแพง ประชาชนก็มีความหวังจะได้เงินหมื่นมาประทังชีวิต ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจความจำเป็นของคนตัวเล็กตัวน้อย แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เราไม่ได้ต้องการรัฐบาลที่แสวงหาคะแนนนิยมจากประชาชนอย่างสายตาสั้น มักง่ายแบบนี้ แต่เราต้องการรัฐบาลที่มีเจตจำนงผลักดันนโยบายที่ตอบโจทย์ของประเทศที่สุด ไม่ใช่ตอบโจทย์ของแกนนำรัฐบาล สุดท้าย หากโครงการไม่ได้ตอบโจทย์ของประเทศจริงๆ การจัดสรรงบฯ
จะกลายเป็นเอาโจทย์ของพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นตัวตั้ง 

“รัฐบาลนี้กำลังมุ่งแก้วิกฤตทางการเมืองของตนเอง โดยเอาโอกาสและอนาคตของประเทศวางเป็นเดิมพัน ชนิดที่ว่า ประเทศเจ๊งไม่ว่า แต่ต้องรักษาหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลให้ได้”

นายชัยธวัช ยืนยันว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เกิดขึ้นมาอย่างฉาบฉวยเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่ได้คิดมาตั้งแต่ต้น จึงคิดไปทำไป กลับไปกลับมา จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนแน่นอน แต่แกนนำรัฐบาลก็โหมโฆษณาตลอดว่าโครงการนี้จะสามารถกระตุ้นการบริโภค เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้ อาจใช้ได้กับประเทศไทยเมื่อ 20 ปีก่อน สถานการณ์วันนี้ การกระตุ้นการบริโภคโดยอัดเงินลงไปในระยะสั้น อาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่งง่ายๆ อีกแล้ว แต่เราจะเจอช่องทางเงินไหลออก เหมือนหลุมดำ 2 หลุม 

หลุมที่ 1 คือสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน เกิดภาวะสินค้าล้นตลาด หรือ oversupply ในสินค้าแทบทุกรายการ และหลุมที่ 2 คือ แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเจอหลุมดำแบบนี้ เงินที่อัดฉีดไปสู่ระบบโดยไม่สร้างเงื่อนไขหรือแรงจูงใจอย่างเป็นระบบ ก็ย่อมจะรั่วไหลไปสินค้านำเข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บทวิเคราะห์ต่างๆ ชี้ว่า ปัจจัยหลักของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจคือการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังได้แล้ว โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถในผลิตของประเทศไทยในอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งก็มีอยู่ในคำแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย จึงจำเป็นต้องมีการวางนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมอยู่ในรายละเอียดการจัดสรรงบประมาณ

“แต่เมื่อพิจารณาในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 ในรายละเอียดแล้ว กลับไม่พบเลย มีแต่หลักการ คำพูด ตัวเลข ลอยๆ หรูๆ ทั้งสิ้น อย่างเช่นใน IGNITE THAILAND” ชัยธวัชกล่าว

นายชัยธวัช กล่าวสรุปว่า การจัดสรรงบประมาณ สืบเนื่องจากปัญหาความไม่ชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล โจทย์ของแกนนำรัฐบาลในวันนี้ จึงไม่ใช่โจทย์เดียวกับประเทศ การจัดสรรงบประมาณครั้งนี้ จึงมีความมักง่ายและสุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะรัฐบาลกำลังนำทรัพยากรของประเทศไปแก้วิกฤตการเมืองของตนเอง โดยเอาอนาคตของคนไทยทุกคน และของประเทศมาวางเดิมพันโดยไม่รับผิดชอบ

“วิสัยทัศน์อย่าง IGNITE THAILAND จึงกลายเป็น IGNORE THAILAND จัดสรรงบประมาณแบบ เจ๊งไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้” นายชัยธวัชกล่าว 
 

TAGS: #งบ68 #ก้าวไกล #ประชุมสภา #ชัยธวัช