กกต. จับตาใกล้ชิดผู้สมัคร สว. ชุมนุมกันที่โรงแรม รวบรวมหลักฐานส่งศาลพิจารณาตัดสิน ลั่นหากทำผิด สอยทีหลังได้แม้เป็นสว.แล้ว
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยก่อนเข้ากิจกรรมการสังเกตการณ์ การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แก่ผู้แทนสถานเอกอัครทูต สถานกงสุล สถานกงสุลกิตติมศักดิ์และองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทย นายแสวง ระบุว่า วันนี้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ คือ การเชิญฑูตและองค์กรระหว่างประเทศประจำประเทศไทย และต่างประเทศ เพื่อเข้าไปสังเกตการณ์การเลือก สว. ระดับประเทศในวันที่ (26มิ.ย.67) นี้
ซึ่งวันนี้เป็นเพียงการซักซ้อม และทำความเข้าใจกับเอกอัครทูตว่า ระบบนั้นเป็นอย่างไร เพื่อจะได้สังเกตการณ์ได้ตลอดในระหว่างดำเนินการเลือกจนจบ ขณะเดียวกัน ก็ายในประเทศก็มีผู้เฝ้าสังเกตการณ์ด้วยกัน ทั้งสภาผู้แทนฯ ตัวแทนกรรมาธิการฯ และNGO กลุ่ม iLaw เป็นต้น เพื่อให้เข้าไปสังเกตการณ์สถานที่เลือกได้ ชั้น 2 ซึ่งจัดไว้เป็นการเฉพาะ และเป็นพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) ท่านระบุว่า เรื่องการจับโกงมันไม่ง่าย กกต. หมดท่าแล้วหรือไม่ และพบหลักฐานกระทำผิดเพิ่มเติมบ้างหรือไม่ ซึ่งเมื่อวานนี้ผู้สมัคร สว. ก็ได้รวมตัวกันหลายร้อยคน นายแสวง กล่าวว่า กรณีที่มีการตีความว่า กกต. หมดท่า หรือไม่กล้าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ต้องการสื่อ คือ ตอนนี้อยู่ในขั้นการรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว หรือไม่ต้องไปเกรงใจใคร ตั้งแต่มีการเลือกระดับจังหวัด ซึ่งได้ผู้สมัครที่ผ่านเข้ารอบมา 3,000 คน เราได้ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้มีสิทธิ์เลือกทุกคน
หลังจากผู้สมัครผ่านเข้ามายังรอบระดับประเทศ ก่อนวันเลือก 3-4 วัน ได้มีการเข้าไปอยู่ในสถานที่เดียวกันในโรงแรมต่างๆ ยืนยัน มีข้อมูลทั้งหมด แต่การเข้าไปอยู่ในโรงแรมนั้นไม่ผิดตามข้อกฎหมาย ซึ่งกระทำได้ เขาก็อ้างว่าเป็นการแนะนำตัว เพราะเป็นการเลือกข้ามกลุ่ม ข้ามจังหวัด ฉะนั้น ผู้สมัครมีสิทธิ์เข้าไปพักที่โรงแรมเดียวกันได้ ขณะที่มีข้อสังเกตว่า ผู้สมัครที่มาจากต่างจังหวัด ต่างพื้นที่กัน ทำไมไปอยู่ในโรงแรมเดียวกันได้ จึงเป็นเบาะแสที่ว่า อาจจะมีมากกว่าแนะนำตัวหรือไม่ และเมื่อวานนี้ เราได้ไป 2 โรงแรม ซึ่งพบว่าเป็นการมาพบปะพูดคุยเพื่อการแนะนำตัว ฉะนั้น จึงเป็นกระบวนการป้องปราม ป้องกัน และรวบรวมพยานหลักฐานหากมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
ดังนั้น การจะให้ใบแดง หรือใบสีอะไรก็ตาม เราต้องส่งสำนวนไปที่ศาลฎีกา (ทุกสำนวน) และมีหลักฐานเพียงพอที่ศาลจะเชื่อได้ว่า มีกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย เกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา จึงอยากให้สบายใจว่า "กกต. ไม่ได้ช้า แม้จะเข้าไปเป็น สว. แล้ว ก็สามารถสอยได้ หากเรามีหลักฐาน" และผู้สมัครคนใดพบเบาะแส สามารถส่งหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ กกต. ได้
เมื่อถามต่อว่า หากผู้สมัคร สว. ระดับประเทศตกรอบ แต่ไปพบเป็นที่ปรึกษา หรือผู้ช่วย สว. ตัวจริง สามารถสะท้อนเรื่องการดิวลับ เพื่อผลประโยชน์ได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เป็นเพียงข้อสมมติฐานว่ามรการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหรือไม่ ซึ่งต้องมาสืบสวนไต่สวน ว่า เรื่องดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ และเราตัดสินเลยไม่ได้ ตเองให้ความเป็นธรรมกับบุคคลที่ได้เป็น สว. หรือผู้รับตำแหน่งด้วย
ส่วนค่ำคืนนี้ ต้องจับตาเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่นั้น นายแสวง ระบุว่า มีเรื่องการที่ สว. ไปชุมนุมกันที่โรงแรม เพื่อแนะนำตัวในโรงแรมต่างๆ ก่อนเลือก สว. ระดับประเทศในวันพรุ่งนี้
เมื่อถามต่อว่า กกต. หนักใจหรือไม่ หากมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง นายแสวง ระบุว่า มันอยู่ที่พยานหลักฐาน ไม่สามารถระบุโทษใครได้ ย่ำว่า ต้องมีพยานหลักฐาน แบะส่งไปที่ศาลฎีกาให้เป็นผู้ตัดสิน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ต้องการฝากย้ำอะไรถึงผู้สมัครทั้ง 3,000 คนหรือไม่ นายแสวง เผยว่า ปัจจุบัน เหลือผู้สมัคร 2,995 คน ตนในฐานะผู้อำนวยการการเลือกระดับประเทศ ได้สั่งลบชื่อผู้สมัครที่ขาดคุณสมบัติ และคุณลักษณะต้องห้าม รวม 5 คน ซึ่งศาลฎีกาตัดสินแล้วว่า 5 คนดังกล่าวนั้นจะหายไป กรณีที่ร้องระดับจังหวัด เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ร้องเรียน 2-3 เหตุการณ์ รวมทั้งทั่วประเทศ มีเกือบ 20 คดี ที่ส่งไปศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกาได้ยกคำร้อง และยึดตาม กกต. ยืนยัน ไม่มีผู้สมัครเพิ่มขึ้น มีแต่ผู้สมัครลดลงที่ถูกลบชื่อ เนื่องอจากไม่มีคุณสมบัติ แบะมีลักษณะต้องห้าม
ทั้งนี้ พรุ่งนี้การจราจรอาจติดขัด อยากให้ผู้สมัคร เผื่อเวลา และเดินทางมารายงานตัวให้ทันก่อน 09.00 น. รวมทั้งให้นำบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วย หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามทิ้งท้ายว่า คำร้องที่มีการพิจารณาแล้วเสร็จ มีทั้งหมดกี่เรื่อง นายแสวง กล่าวว่า คำร้องเกี่ยวกับกระบวนการเลือก ในชั้นศาลฎีกา ได้พิจารณาไปทั้งหมดแล้ว