พรรคภูมิใจไทย จี้ กกต. ดำเนินการกับบุคคลที่กล่าวหาพรรคภูมิใจไทย ทำให้พรรคฯ เสื่อมเสีย เพื่อให้การเลือกตั้งสุจริต เที่ยงธรรม ย้ำ เงินบริจาคถูกกฎหมาย มั่นใจพรรคไม่โดนยุบ
ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วย นายธนิต ศรีประเทศ อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หนึ่งในทีมกฎหมายพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณี การกล่าวหาเงินบริจาคของพรรคภูมิใจไทย การบริจาคเงินให้กับพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดเรื่องของการบริจาคว่า การดำเนินการใด เกี่ยวกับเรื่องการบริจาค จะต้องผ่านการดำเนินการตามกฎหมายอย่างไร ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในร่างพ.ร.บ. เรื่องนี้มีการร้องเรียนเข้ามาทางพรรคภูมิใจไทย การที่จะมีการบริจาคเงินให้กับพรรค ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล พรรคในฐานะที่เป็นผู้รับบริจาค ก็จะต้องดำเนินการตรวจสอบว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นบุคคล หรือนิติบุคคล ที่ต้องห้าม ไม่ให้ดำเนินการหรือไม่ จะต้องตรวจสอบด้วยว่า เงินดังกล่าวนั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุถึงแหล่งที่มา ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ขอยืนยันว่า การรับเงินบริจาคของพรรคภูมิใจไทย เป็นการดำเนินการตามกฏหมายโดยถูกต้องทุกประการ และเมื่อดำเนินการการรับเงินบริจาคแล้ว ขั้นตอนต่างๆ จะมีขั้นตอนตามกฎหมายที่จะต้องดำเนินการต้องรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งตามกฎหมายซึ่งเกี่ยวกับขั้นตอน
นายธนิต ย้ำ การบริจาคของพรรคเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของ กกต.รวมถึงมีระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้หมดแล้ว ที่พรรคการเมืองจะต้องพึงสังวร เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายพรรคการเมืองโดนโทษจนถึงขั้นถูกยุบพรรค ขณะที่ขั้นตอนการบริจาคทั้งในส่วนของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ได้กำหนดไว้ให้บริจาคไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะต้องมีหลักฐานยืนยัน อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือบริคณห์สนธิ (ตราสารที่ผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทได้ตกลงร่วมกันจัดทำขึ้น) หนังสือลงนามมอบอำนาจต่างๆ ที่จะต้องรวบรวมแล้วส่งไปยัง กกต.ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หลังจากส่งให้ กกต.ตรวจแล้ว ก็จะต้องไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบในแง่ของนิติบุคคลอีกด้วย ทั้งนี้ เงินบริจาคไม่สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้ ซึ่งจะต้องนำมาดำเนินการ เพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองและการเลือกตั้งเท่านั้น
ขณะที่นายศุภชัย เผย กรณีที่มีผู้กล่าวหาว่าพรรคภูมิใจไทย มีเรื่องการรับเงินบริจาค ขอยืนยันว่า เรามีการดำเนินการตรวจสอบ และดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ รวมถึงสิ่งที่ทำก็เป็นการดำเนินการตามกฎหมายคือ ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยทุกครั้งมีการประกาศให้สาธารณชนเข้าไปตรวจสอบได้
สำหรับรายละเอียดยอดเงินบริจาค ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงกลางเดือน(มีนาคม) ปี 2566 มียอดรวมเงินบริจาค ให้กับพรรคภูมิใจไทย ทั้งสิ้น 355,033,639 บาท จำแนกเป็นปีดังนี้ ปี 2561 จำนวน 10,000,000 บาท, ปี 2562 จำนวน 161,000,000 บาท, ปี 2563 จำนวน 24,884,289 บาท, ปี 2564 จำนวน 35,952,000 บาท, ปี 2565 จำนวน 123,197,350 บาท และปี 2566 ถึงปัจจุบัน (กลางเดือนมีนาคม 66) จำนวน 8,730,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่มีบุคคลบางคนได้ดำเนินการกระทำในลักษณะที่เป็นการที่ผิดพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 73 คือ มีการออกไปดำเนินการในลักษณะที่ไปทำลายคะแนนนิยมพรรคภูมิใจไทย ถึงแม้ต่อมาจะมีการไม่กล่าวถึงชื่อพรรคโดยตรง แต่พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยความสุจริต และเที่ยงธรรม ในวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยได้มีการไปยื่นหนังสื่อต่อกรรมการการเลือกตั้ง ให้ดำเนินการกับบุคคลที่กระทำการดังกล่าวซึ่งเป็นผลให้ การเลือกตั้ง เป็นไปโดยไม่สุจริต และเที่ยงธรรม จนถึงวันนี้พฤติการณ์ดังกล่าวก็ยังปรากฏอยู่ ก็พบว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งยังไม่มีการดำเนินการอะไร ที่จะทำให้บุคคลที่ทำผิดกฎหมายนั้นมีการยุติการกระทำดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เหมือนกับว่าในฐานะผู้มีอำนาจรับใช้ตามกฎหมาย ปล่อยให้บุคคลได้มีการกระทำความผิดโดยท่านละเว้นที่จะดำเนินการ เพราะฉะนั้นจึงขอเรียกร้องไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้งให้ดูแลจัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม ที่เป็นผลกระทบต่อพรรค ขอให้ดำเนินการต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้จะบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จะมีการดำเนินการไปร้องเรียน กับผู้อำนวยการการเลือกตั้งกกต. จังหวัดในทุกจังหวัดด้วย
"สำหรับ การเปิดรับสมัครว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. มีผู้ที่ได้เสนอตัวเข้ามาจะเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ เกินกว่าหนึ่งร้อยคน ซึ่งก็อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการสรรหา และกรรมการบริหารพรรคพิจารณา สำหรับในเขตเลือกตั้ง ก็บางเขตก็มีผู้สมัครเกินกว่าหนึ่งคน ส่วนใหญ่เกินกว่าหนึ่งคน แต่บางเขตก็ยังขาดอยู่ แต่ภาพรวมในตอนนี้ มีผู้เสนอตัวสมัครเข้ามาเกิน แต่สามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งพรรคจะมีการดำเนินการในเรื่องของกระบวนการไพรมารี่ ในวันที่ 26 -27 มีนาคม นี้ โดยมีขั้นตอนกฎหมายต่อไป และยืนยันว่า ยังไม่มีใครที่จะย้ายพรรค "
ถามว่า นายชูวิทย์ มีการอ้างถึงความเชื่อมโยงพฤติการณ์นอมินีถือหุ้นแทน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เข้าข่ายความผิด มาตรา 72 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่อาจนำไปสู่การยุบพรรค นายศุภชัย ระบุ บริษัทดังกล่าวเป็นนิติบุคคล ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง นายชูวิทย์คงไปจินตนาการคิดเอา ตนขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ดังกล่าวทำถูกต้องตามกฎหมาย และแหล่งเงินที่เขาได้นำมาบริจาคนั้น มาจากการประกอบธุรกิจ พรรคมีหน้าที่ตรวจสอบให้ครบถ้วน ส่วนจะเป็นนอมินีใครนั้นทางพรรคภูมิใจไทยไม่มีหน้าที่เข้าไปพิจารณา ซึ่งตนขอยกตัวอย่าง สมมติว่านายชูวิทย์ไปเปิดกิจการอาบอบนวดที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต่อมาหากมีการกระทำผิดอย่างอื่น เช่น ค้าประเวณี หรือค้ามนุษย์ ในแง่ของพรรคการเมืองเมื่อได้รับเงินบริจาค ที่เขาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีใบอนุญาตถูกต้อง ในแง่ของพรรคไม่มีเหตุผลที่จะต้องมองลึกไปขนาดนั้น ดังนั้น ในกรณีนี้ถือว่าพรรคภูมิใจไทยทำถูกต้องตามกฎหมาย เพราะได้มีการตรวจสอบสัญชาติ และตรวจสอบนิติบุคคลที่ไม่ใช่บุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย หรือนิติบุคคลที่ทำธุรกิจนอกราชอาณาจักร ไม่มีเหตุที่จะต้องทำให้ถูกยุบพรรคได้