“เศรษฐา”รับยังต้องปรับการสื่อสาร หลังมีเสียงวิจารณ์ผลงาน 1 ปี ยังไม่ “จึ้ง” พร้อมปรับปรุง แจงผลงานเพียบแต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ยัน รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อยกระดับรายได้ประชาชนให้สูงขึ้น บอกค่าแรง400บ.ทำได้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เผย ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่จะครบรอบ 1 ปีในเดือนสิงหาคมนี้ แม้จะเห็นถึงความตั้งใจ แต่ยังไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม ว่า ส่วนตัวคิดว่าเรื่องการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นไปอย่างที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมารัฐบาลทำงานมากพอสมควร ในหลายๆ โครงการและทุกกระทรวงก็ทำงานหนัก อีกทั้งการลงทุนจากต่างประเทศ การเพิ่มราคาสินค้าเกษตร การพักหนี้เกษตรกร การดูแลพืชหลักพืชรอง การเพิ่มศักยภาพการศึกษาให้เยาวชน การเพิ่มค่าแรง กฎหมายสมรสเท่าเทียม ยกระดับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีหลายมิติที่เราพยายามทำอยู่ และจะเร่งดูแลเรื่องการศึกษาให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น
เมื่อถามว่าคิดว่าผลงานที่เป็นรูปธรรมจะมีความชัดเจน ทำให้ประชาชนรู้สึกจึ้งกับผลงานได้อย่างไร นายกรัฐมนตรี ถึงกับหัวเราะคำว่า “จึ้ง” พร้อมกล่าวว่า จะทำให้ “จึ้ง” ได้อย่างไร คิดว่าต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพราะมีหลายโครงการที่จะค่อยๆ ทยอยออกมา อย่างเช่น การลงทุนจากต่างประเทศ การทำ FTA ที่เพิ่มมากขึ้นส่วนตัวคิดว่าจะค่อยๆ ทยอยออกมา
เมื่อถามว่านอกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้ามแต่ก็ยังมีคนในจากพรรคเพื่อไทย ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเช่นเดียวกัน จะมีการทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นคนของพรรคเดียวกัน พรรครวมรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้าน อาจอึดอัดใจหรือไม่เข้าใจ หรือมีการสื่อสารที่ไม่ดีพอ รัฐบาลนี้ก็ต้องรับฟัง หรือแม้จะเป็นคำติจากพรรคร่วมเดียวกัน เราก็ต้องรับฟังและพยายาม อะไรที่เป็นคำติที่เหมาะสม สมควรที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเราก็ต้องทำ หากเป็นเรื่องที่เราทำอยู่แล้ว หากยังมีการสื่อสารไม่ดีเราก็พร้อมที่จะชี้แจงในเวทีที่เหมาะสม
ส่วนวันนี้ที่จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย จะถือโอกาสชี้แจงเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้ามีคำถามก็พร้อมที่จะชี้แจง เพราะวันนี้จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย โดยมีการลาราชการไว้แล้วตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป
เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่าบุคลิกของนายกรัฐมนตรีที่เป็นซีอีโอเก่า เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ เพราะเมื่อก่อนเป็น ซีอีโอ ก็จะจะปิดไซด์งานได้ตลอด แต่พอมาเป็นนายกฯ ไม่ค่อยปิดไซด์งาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันก็มีการปิดงานได้เยอะมากพอสมควร สมัยก่อนที่เป็นซีอีโอก็มีการเปิด-ปิด-โอน และมีการเปิดและปิดงานใหม่ตลอด
ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยตัวเลขค่าครองชีพ เมื่อปี 62 กับรัฐบาลปัจจุบัน พบว่าสูงขึ้นมากนั้น และไม่สัมพันธ์กับค่าแรง รัฐบาลจะมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไรเพื่อให้ค่าครองชีพกับค่าแรงสัมพันธ์กัน นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมี 2 มิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน เช่น มีการหารือเรื่องปุ๋ยคนละครึ่ง เราต้องการที่จะเพิ่มรายได้ให้กับภาคการเกษตร ทำให้ผลต่อไร่สูงขึ้นราคาดีขึ้น สามารถเปิดตลาดใหม่ๆ และมีการเซ็น FTA เพื่อยกระดับรายได้ให้สูงขึ้น
ส่วนในแง่ของรายจ่าย เรามีการชดเชยค่าไฟค่าน้ำมัน การพักหนี้เกษตรกร การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นเรื่องหนึ่งที่เราพยายามทำอยู่
เมื่อถามว่าเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้จะขึ้นเป็น 600 บาทภายใน 4 ปี ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว คิดว่าแนวโน้มจะไปถึงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ก็พยายามอยู่ เมื่อสักครู่ก็ได้คุยกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งรัฐมนตรีแรงงานยืนยันว่า 400 บาททำได้ แต่คงยังไม่ไปถึง 600 บาททันที”