"เศรษฐา" ย้ำฟังทุกเสียงอดีตนายกฯ บอก "บิ๊กตู่" มาส่วนตัว ชี้ ไม่ได้ตีตัวออกห่าง “ทักษิณ” ไม่ทราบ “พิธา” คุยทูต 18 ประเทศ ไม่มีใครมีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม กต. แจงหนังสือตอบยูเอ็นปมยุบพรรค
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีการฝากคนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ช่วยนายกฯ ทำงานดีๆ และยังการถามแซวว่ามีใครดื้อหรือไม่ จนนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาระบุ องคมนตรีต้องไม่แสดงการฝักใฝ่การเมือง นายกรัฐมนตรีมองเรื่องนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรีย้อนถามว่า “ท่านอยากให้ตนมองอย่างไร”
เมื่อถามว่าสถานะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เหมือนในอดีต นายเศรษฐา กล่าวว่า ท่านไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพมารดาของตนเป็นการส่วนตัว ตนก็พบปะท่านในหลายโอกาส คุณแม่ตนเสียไป ท่านก็มาให้กำลังใจ และท่านเองก็เจอบุคคลที่ท่านคุ้นเคยสมัยเป็นนายกฯมา8ปี ตนคิดว่าทุกคนคงมีข้อคิดเห็นของแต่ละคนได้เอง
เมื่อถามว่า ดูเหมือน นายกฯ จะรับฟัง พล.อ.ประยุทธ์ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่จริง ตนเจอนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ตนก็รับฟัง และไม่ได้รับฟังนายกฯ อย่างเดียว รองนายกฯ หรืออดีตรัฐมนตรี ตนก็เจอ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ก็มีการพูดคุยกันตลอดเวลา แล้วแต่โอกาสมากกว่า
ส่วนมีการมองกันว่านายกรัฐมนตรี เอาตัวออกห่างนายทักษิณ หรือไม่ในระยะหลัง นายเศรษฐา “ยิ้ม” ก่อนจะกล่าวว่า ตนไม่ได้ตีตัวออกห่างใครทั้งนั้น ตนทำงานอย่างเดียว แต่ถ้าเกิดทำงานแล้วไม่สามารถไปพบบางคนได้ ตนเชื่อว่าทุกท่านคงเข้าใจว่าตนมีหน้าที่นายกฯ ที่ต้องทำงาน ลงพื้นที่ตลอด ท่านก็เห็น เสาร์อาทิตย์ก็ยังทำงานอยู่
นายเศรษฐา กล่าวถึง กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล หารือกับทูต 18 ประเทศถึงคดียุบพรรคก้าวไกลจนหลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ ว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่าตนไม่ทราบ ว่ามีการคุยกันในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะมีการพบกัน แต่ไม่ทราบเนื้อหาว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้าง แต่กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ส่วนตัวคิดว่า ทั้ง 18 ประเทศ ระบบยุติธรรมและระบบบริหารแยกกันชัดเจน ฝ่ายบริหารไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกับกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ก็เป็นกลางและเป็นสากลได้รับการยอมรับจากทุกๆฝ่ายอยู่แล้ว
“ผมคงพูดแทนท่านอื่นไม่ได้ แต่ส่วนตัวของผมมีความเคารพกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวทุกคนก็คงทราบไม่ว่าจะเป็นกรณีของผมเอง ผมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าหากมีประเด็นหรือมีผู้ร้องเรียน ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องแจ้งไปที่ระบบยุติธรรม และคอยการตัดสิน อย่างของผมเองก็ได้แจ้งไปแล้วว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ยื่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คอยวันตัดสินคือวันที่ 14 สิงหาคม และผมก็ไม่ได้มีการไปพูดคุยอะไรกับใครทั้งสิ้น และประเทศของเราก็เป็นเอกราช แต่ก็ต้องให้ให้เกียรติทางนั้นเขาเหมือนกัน ผมไม่ทราบว่ารายละเอียดการพูดคุยสนทนามีเรื่องอะไรบ้าง” นายเศรษฐา ระบุ
ส่วนที่มีความกังวลเนื้อหาในหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศที่ชี้แจงต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) เมื่อแปลเป็นภาษาไทยมีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงเกี่ยวกับคดียุบพรรคก้าวไกล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องเรียนอย่างนี้ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกันในเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องมีการชี้แจงไปยัง UN ส่วนของการแปลก็ต้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศมาชี้แจงดีกว่าว่า แปลไปว่าอะไร แต่จุดยืนของเรา เราไม่ก้าวก่ายระบบตุลาการอยู่แล้ว และเราก็จะไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่ายระบบตุลาการของเรา และเชื่อว่ากระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงชี้แจงในช่วงบ่ายวันนี้
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์ โดยเฉพาะในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) ที่จะมีการตัดสินคดีของพรรคก้าวไกล ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนตนไม่ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงและมั่นใจว่า ทุกคนตั้งอยู่บนความสงบและยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และความจริงแล้วเราก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว