“เจี๊ยบ อมรัตน์” โต้“หมอวรงค์” ปมยื่นยุบพรรคประชาชน ข้อมูลไม่อัปเดต ยันมีสาขาพรรคครบทุกภาค
จากกรณีนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เตรียมร้อง กกต. ตรวจสอบ “พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล” สิ้นสภาพพรรคการเมืองก่อนเปลี่ยนเป็น “พรรคประชาชน” หรือไม่ ปม มีสาขาไม่ครบ 4 ภาค เกิน 1 ปี ซึ่งเสี่ยงกับถูกยุบพรรค
ล่าสุด นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ “นพ.วรงค์” เกี่ยวกับปมยื่นยุบพรรคประชาชน โดยระบุข้อความ
#พรรคประชาชน มีสาขาครบถ้วนทั้ง 4 ภาค คือภาคเหนือที่จ.นครสวรรค์ ภาคกลางจ.ราชบุรี ภาคอีสานที่จ.สกลนคร และภาคใต้ที่จ.นครศรีธรรมราช
ไม่งั้นกกต.คงไม่อนุญาตให้พรรคมีการตั้งกรรมการสรรหา จดแจ้งเปลี่ยนชื่อพรรคและธุรกรรมอื่น ๆ
ข้อมูลที่หมอวรงค์เตรียมไปยื่นเป็นข้อมูลที่ไม่อัปเดต
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า #ทำไมต้องเสนอยุบพรรคประชาชน
ตามที่สื่อเสนอข่าวว่า พรรคประชาชนเกิดจาก การที่นำพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มาเปลี่ยนชื่อพรรค เนื่องจากพรรคการเมืองเป็นสถาบันสำคัญ ของระบอบประชาธิปไตย ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้
จากการตรวจสอบผ่านเว็บกกต. พบว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ซึ่งเป็นพรรคต้นกำเนิด ของพรรคประชาชน มีสาขาพรรค3สาขา ภาคเหนือ 2สาขา และภาคกลาง 1 สาขา ไม่มีสาขาภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กฏหมายพรรคการเมือง กำหนดไว้ว่าพรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพ ถ้ามีสาขาพรรคการเมือง เหลือไม่ถึงภาคละ1สาขา เป็นระยะเวลาติดต่อกัน1ปี นั่นหมายความว่า พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ต้องมีสาขาครบทั้ง4ภาค ห้ามขาดหายไปติดต่อกัน1ปี ถ้าไม่ครบพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลต้องสิ้นสภาพ
ข้อมูลหน้าเว็บกกต. พบว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มีสาขาพรรคเพียงแค่ 2 ภาค ซึ่งไม่ครบ4ภาค และจัดตั้งตั้งแต่ปี 2555 เพื่อความโปร่งใส กกต.ต้องตรวจสอบและชี้แจง ให้ประชาชนได้รับทราบ รายละเอียดการมีสาขาในแต่ละปี
ถ้าพรรคถื่นกาขาวมีสาขาไม่ครบ 4 ภาค ติดต่อกัน1ปี จะเข้าข่ายการสิ้นสภาพของพรรคตามกฏหมาย นั่นหมายความว่าพรรคประชาชน จะไม่สามารถนำพรรคที่สิ้นสภาพ มาดำเนินการเปลี่ยนชื่อพรรคได้
พรรคไทยภักดีจะไปยื่นเรื่องดังกล่าว ให้กกต.ตรวจสอบ และดำเนินการต่อไปให้เป็นไปตามกฏหมาย