"ภูมิธรรม"เผย นายกฯ บอกพรรคร่วมรัฐบาลให้สบายใจ คดีถอดถอน 14 ส.ค.เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม บอกวงถกแกนนำไม่กังวล
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล มีแกนนำพรรคร่วมฯเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง อาทิ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. นายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภท. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
นายภูมิธรรม กล่าวหลังการหารือว่า ได้มีการพูดคุยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดี 40 สว.ร้องถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ว่า ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ไม่ได้มีความกังวลใด โดยนายกฯให้พรรคร่วมรัฐบาลสบายใจและให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้มีความกังวลอะไรเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล ให้กระบวนการยุติธรรมทำไปตามหน้าที
สำหรับเรื่องตำแหน่งรองประธานสภานั้น ตามปกติพรรคหลักจะได้ตำแหน่งประธานสภาและรองประธานสภาคนหนึ่ง พรรคอันดับ 2 เป็นรองคนที่สอง แต่เนื่องจากการตั้งประธานสภาครั้งนี้ตั้งก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง จึงได้ถามพรรคภูมิใจไทยมีความคิดเห็นอย่างไร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยระบุว่า อยากขอ 1 ที่นั่ง จะเป็นรองประธานสภาคนที่หนึ่ง หรือรองประธานสภาคนที่สองก็ไม่ขัดข้อง ซึ่งเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีการหารือกันภายใน ที่ประชุมวันนี้จึงให้ 2 พรรคไปคุยกัน โดยจะให้ได้บทสรุปก่อนวันที่ 14 ส.ค.
อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่า ให้ 2 พรรคไปคุยกันในเรื่องการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดพิษณุโลก จะเป็นการฮั้วกันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีการฮั้วกัน เพียงแต่ว่าใครมีโอกาส พรรคอื่นก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้จึงให้พรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ว่ากันไป
นายภูมิธรรม ยังได้ปฏิเสธว่า ในการประชุมวันนี้ ไม่ได้หารือเรื่องร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … แต่เป็นการหารือร่วมกันของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลประจำเดือนตามปกติ โดยการหารือวันนี้จากกรณีพรรคก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ซึ่งเป็นการหารือใน 2 เรื่องคือ การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดพิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 1 โดยพรรคที่ได้เป็นอันดับ 2 คือพรรคพลังประชารัฐ อันดับที่ 3 คือพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาล มีแนวโน้มจะส่งเพียงพรรคเดียว ที่ประชุมจึงเห็นว่าให้ทั้ง 2 พรรคไปตกลงกัน
สำหรับ กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์นั้น อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์เมื่อเสร็จแล้วก็ส่งให้กฤษฎีกา และนำเข้าสู่ครม. หากตกลงอย่างไร จึงส่งให้สภาพิจารณา อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มีการตกลงกันในพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนจำเป็นจะต้องคุยในที่ประชุมพรรคร่วมก่อนหรือไม่นั้น อาจจะต้องคุยกันอีกครั้งต้องไปตามกระบวนการ
ขณะเดียวกันเมื่อถามย้ำว่า โดยรวมพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยกับเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เมื่อที่ประชุม ครม. เคยผ่านมาแล้วก็เห็นไปตามนั้น เมื่อถามว่า มีบางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าการทำประชาพิจารณ์ไม่เพียงพอ แต่ต้องเป็นการทำประชามติ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรายังไม่คิดไปไกลขนาดนั้น ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ก่อนหน้านี้ที่เราไม่ได้หยิบมาคุยกัน เพราะมันผ่าน ครม.ไปก่อนหน้านี้แล้ว