ด่วน!! "เศรษฐา"ไม่รอด มติศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ ตั้ง "พิชิต" เป็น รมต. ขาดคุณสมบัตินายกฯ
ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย คดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 17 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 40 คน ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) ได้นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 2) เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ผู้ถูกร้องที่ 2 ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากผู้ถูกร้องที่ 2 เคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
ต่อมา เวลา 15.00 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยตอนหนึ่งว่า กรณีนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญเนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯรับทราบว่านายพิชิตถูกดำเนินคดี และมีข้อสงสัยว่า มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ดังจะเห็นว่าในวันที่ 29 ส.ค. 66 จึง ให้หารือโดยเร็ว รับฟังได้ว่ารู้และควรรู้เกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายพิชิต ว่าอาจมีลักษณะต้องห้ามจริง ก่อนพิจารณาแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี เมื่อข้อเท็จจริงว่ารู้ แต่กลับเสนอชื่อให้โปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นกรณีการขาดความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรีหรือไม่ เห็นว่า การเสนอชื่อดังกล่าว ไม่เหมาะสม แม้กฤษฎีกาจะให้ความเห็นทางกฎหมาย แต่ก็เป็นแค่คำเสนอ นายกฯก็ต้องใช้วิจารณญาณที่เหมาะสมได้ การอ้างว่าทำธุรกิจมาก่อนจึงอ้างไม่ได้ เพราะหลักเกณฑ์ซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักทั่วไป เป็นเรื่องสำคัญ การที่ไม่ได้ฟ้องคดีอาญา
ทั้งนี้การแต่งตั้ง นายพิชิต ทั้งที่เคยถอดชื่อไปก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่านายเศรษฐา ไม่มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ รู้เห็นให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ใช้อำนาจหน้าที่นายกฯ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีโดยมิชอบ เป็นการกระทำที่ขัดกันประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เสียเกียรติศักดิ์นายกรัฐมนตรี เป็นการสมคบ สมาคมผู้มีชื่อเสียงเสื่อมเสียง กระทบศรัทธา มาตรฐานจริยธรรมศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ 2561 ข้อ 7 - 8 -11-17-19 ที่ให้ใช้กับครม.ดัวย เป็นอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาว่าสมควรดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังว่านายเศรษฐา รู้พฤติกรรมของนายพิชิต แต่ยังเสนอแต่งตั้งให้เป็นรมต.ประจำสำนักฯ แสดงว่านายเศรษฐา ไม่มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ตุลาการเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีนายกฯสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง คณะรัฐมนตรี(ครม.) ต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะตามรัฐธรรมนูญ 167 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับการปฏิบัติหน้าที่ของ ครม.ที่พ้นตำแหน่งต่อไป