นายหัวชวน ย้ำชัดเจน ไม่หนุนพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อไทยเด็ดขาด ไม่อยากเสียระบบคิดทรยศประชาชน ยืนยันพร้อมเคารพมติพรรค
นายชวน หลีกภัย สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ว่า ในพรรคไม่เคยมีใครมาพูดถึงเรื่อง และได้บอกไปตรงๆ ว่าไม่เห็นด้วย แต่ที่ไม่เห็นด้วยไม่ใช่เพราะว่าเป็นเรื่องโกรธแค้นกับใคร
แต่เป็นเพราะตัวเองรณรงค์ว่าไม่เลือกพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคดังกล่าวประกาศชัดเจนจะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือก พรรคเพื่อไทย ก่อนจังหวัดอื่นเอาไว้ทีหลัง ภาคใต้จึงได้รับผลกระทบด้วย แม้กระทั่งการซ่อมถนนก็ยังมีการแกล้งกัน คนไม่ค่อยรู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ตรวจสอบมากน้อยแค่ไหน เชื่อว่าการรณรงค์ของตนเองมีผลไม่มากก็น้อย เห็นได้ชัดว่าพรรคเพื่อไทยไม่มี สส. แม้แต่คนเดียวในภาคใต้ ซึ่งตนเองก็มีส่วนในการรณรงค์ ทั้งที่ภาคอื่นได้ผู้แทนท่วมท้น เลนส์สไลด์อย่างที่ประกาศไว้
ดังนั้นเมื่อเลือกตั้งแล้วตนเองจะกลับลำ หนุนพรรคที่ตนเองบอกว่าอย่าเลือกนั้นเท่ากับว่าทรยศประชาชน ยืนยันว่าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ส่วนตัวแน่นอน แต่เป็นประโยชน์ของประชาชนที่ถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นเหตุผลชัดเจนที่ตนเองให้ไว้ตั้งแต่ เมื่อครั้งโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ขับตนเองออกจากพรรคนั้น ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่ขับ สมาชิกที่ละเมิดมติพรรคก็จะถูกสอบวินัย แต่คนที่ละเมิดมติพรรคก็มีอยู่หลายคน ตั้งแต่สมัยโหวตเลือกนายเศรษฐา ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง เห็นชอบทั้งที่มติพรรคให้งดออกเสียง นายชวน ผู้ติดตลกว่า “ เขาขับพวกนี้มั่ง” ตนเองปฏิบัติตามมติพรรค คือไม่รับ และขอแถลงชัดเจนว่าไม่เห็นชอบและได้ให้เหตุผลไว้อย่างชัดเจนที่ประชุมก็ไม่ได้ว่าอะไร
ส่วนหากไปร่วมรัฐบาลจะทำให้ สส. ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ อาจสูญพันธุ์ได้ นายชวนมองว่า ตัวบุคคลมีความชัดเจนว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลก็คือตนเอง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายสรรเพชร บุญญามณี คนอื่นตนไม่แน่ใจจึงพูดไม่ได้ว่าคนเหล่านั้นจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่การเข้าร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องปกติธรรมดา และต้องผ่านกระบวนการมติพรรค
อีกทั้งแนวต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์มีความชัดเจนมาตลอด ตั้งแต่ก่อนเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่ตนเองเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ผู้แทนภาคใต้เกือบทั้งหมด แม้กระทั่งไม่เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ก็ยังมีส่วนช่วยให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ ผู้แทนในพื้นที่จำนวนมาก
จนช่วงหลัง สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป ต้องเข้าใจธรรมชาติ ของการเมืองที่เปลี่ยนไป ปัจจัยที่ทำให้ชนะการเลือกตั้งคือเรื่องเงิน ผลประโยชน์ จึงทำให้ทีท่าของผู้สมัคร สส. เปลี่ยนไปเช่นกัน ขณะที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะหัวหน้าพรรคได้ประกาศเอาไว้ว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ตนเองจำได้
นายชวนย้ำว่า ผู้แทนของพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ไม่ควรจะสูญพันธุ์ บางส่วนน่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะคนที่รับผิดชอบในการเลือกตั้งครั้งต่อไปก็คือนายเฉลิมชัย ซึ่งเคยเป็นเลขาธิการพรรคการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ย่อมรู้อยู่แล้วว่าคราวที่แล้ว บกพร่องอย่างไรก็นำมาแก้ไข อย่างน้อยบัญชีรายชื่อควรจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 คน แต่เขตเลือกตั้ง ตนเองไม่กล้าประเมิน เพราะสถานการณ์การเมืองและเขตการเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลงไป
แต่นโยบายพรรคก็ยังพูดได้เต็มปาก เพราะทุกเรื่องทำอย่างมั่นคง ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีความยั่งยืนไม่คิดเพื่อหาเสียงหรือแจกเงิน มองความมั่นคงของสังคมมาประกอบ เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา รถไฟทางคู่ สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น ที่ชัดที่สุดก็คือเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตที่ทำให้คนยังเชื่อมั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังต้องรักษาเอาไว้
ส่วนการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะต้องทำงานหนักขึ้นหรือไม่นั้น พรรคการเมืองที่ไม่มีบ้านใหญ่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ทำงานหนักทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ไม่มีครั้งไหนที่สบาย แต่เมื่อระบบการเมืองเปลี่ยน ระบบธุรกิจการเมืองเข้ามา มีการใช้เงินมากขึ้นก็จะยิ่งเหนื่อย ยิ่งหนัก เพราะหากไม่ใช้เงินก็จะยิ่งยากขึ้น คนที่เล่นการเมืองแบบไม่ใช้เงินก็จะแพ้ไปเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องรณรงค์กับประชาชนให้คนได้มองเห็นความสำคัญของการเมืองสุจริต ที่จะทำให้การพัฒนาบ้านเมืองไปได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตามยังไม่เคยมีกรรมการบริหารพรรคเข้ามาหารือถึงการดำเนินการใดๆ การประชุม สส. ก็ไม่เคยมีใครมารายงานว่าจะดำเนินการอะไรบ้าง