"เพื่อไทย" เทียบเชิญ"ปชป."ร่วมรัฐบาลทางการ "สรวงศ์" ลั่น ความขัดแย้งหายไป เชื่อผู้บริหารรุ่นใหม่ ทำงานร่วมกันได้ ด้าน "เดชอิศม์" ไม่กังวลโหวตเตอร์หาย ชี้ "ชวน หลีกภัย"ต้องทำตามมติพรรค
นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นำหนังสือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลมามอบให้กับนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ต่อหน้าสื่อมวลชน ท่ามกลางพยานจาก สส.ทั้งสองฝ่ายจับมือจะตั้งรัฐบาล
จากนั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า มีการเทียบเชิญกันตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว หลังจากที่มีมติพรรคเพื่อไทยออกมา และมีการเรียนว่าจะมีการยื่นหนังสือเชิญพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการในวันนี้ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารประเทศ มาเป็นรัฐบาลร่วมกัน
ส่วนกระแสข่าวรัฐมนตรีที่บอกว่าได้ว่าการ 1 ช่วย 1 นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะแต่งตั้งเสนอชื่อทูลเกล้า ขออนุญาตไม่ก้าวล่วง
ส่วนอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย พอมาทำงานร่วมกันแล้วจะไปด้วยกันได้หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อนแต่ปัจจุบัน ผมมั่นใจว่า สส.ทุกคน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนสส.พรรคเพื่อไทยทุกคน ไม่มีใครคัดค้านเลยใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ เมื่อวานก็มีการพูดคุยกัน เอาคำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์ เป็นที่ตั้ง ว่าทุกอย่างผ่านมาแล้ว ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ และเราเป็นพรรคการเมืองที่ร่วมต่อสู้กันมานานพอสมควร พอมาถึงคนรุ่นใหม่มาดูแลพรรค อุดมการณ์ทางการเมืองก็ส่วนอุดมการณ์ แต่แนวทางการทำงานระหว่างเราไปด้วยกันได้แน่นอน
ส่วนที่ถูกมองหักหลังประชาชน เพราะที่ผ่านมามีการล้มตายจากการต่อสู้กันมาก นายสรวงศ์ กล่าวว่า อย่างที่เรียนให้ทราบมาโดยตลอด อุดมการณ์ทางการเมืองอาจไม่เคยเหมือนกันเลยในอดีต แต่ ณ วันนี้ คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรคทั้งสองฝ่าย ทุกคนมุ่งหน้าไปในทางเดียวกัน คือปัญหาของพี่น้องประชาชนต้องได้รับการแก้ไข สิ่งที่เราเห็นตรงกันคือประเทศชาติถอยหลังไปหลายปี มันถึงเวลาแล้วที่ต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรที่เป็นความไม่เข้าใจกัน ตนว่าเราทิ้งไว้ข้างหลังดีกว่า
ทั้งนี้ คนเสื้อแดงได้มีการสะท้อนมาบ้างหรือไม่ สรวงค์ กล่าวว่า ก็มีการพูดคุยกัน พี่น้องคนเสื้อแดง ก็มีการพูดคุยกัน พอเป็นความคิดเห็นตรงกันและก็เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ทุกคนเข้าใจได้
ขณะที่เหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจเอาพรรคประชาธิปัตย์เข้ามา นายสรวงศ์ กล่าาว่า การบริหารประเทศก็เป็นการบริหาร แต่เสียงในสภาต้องมั่นคง นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วยังมีพรรคอื่น ที่เรายกหูไปเทียบเชิญเข้ามาร่วมด้วยเหมือนกัน
ทั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินใจปิดสวิตช์ 3 ป.ตั้งแต่แรกอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า มันไม่ใช่แผน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ พูดตามตรงพอถึงวันนี้ เราทำงานร่วมกันมาปีหนึ่ง เราเห็นการอภิปรายต่างๆ ของพี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ เราก็ดูการทำงาน ในส่วนของผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนี้ มองว่าสามารถทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้
ส่วนจะทำให้ โหวตเตอร์ไม่พอใจหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องดูการทำงาน ตนเชื่อว่า ถ้าตั้งใจร่วมมือกันและผลงานออกมาดี มองอีกมุมนึงความขัดแย้งมันได้หายไปแล้ว ตอนนี้เรามาร่วมกันทำงานก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากกว่า
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ และไม่หารือกับพรรคพลังประชารัฐก่อนการร่วมโหวตนายกฯ นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า ”เอาที่สบายใจเลยครับ“ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดูที่ผลงาน การทำงานต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ขอโอกาสให้นายกฯ และ ครม.ได้ทำงาน หากมีอะไรที่ทำผิดหรือไม่ดีก็ขอให้ร้อง แต่ผลงานจะพิสูจน์ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปยื่นร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ปมถือหุ้นในบริษัทเอกชน และการลาออกจากกรรมการบริษัทต่าง ๆ เข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า เรามีฝ่ายกฎหมายดูอยู่ มองว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นประเด็น ทั้งนี้เป็นสิทธิของนายเรืองไกร
ส่วนจะมีการเทียบเชิญคนในกลุ่มร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่าหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า มีการคุยกัน แต่เราให้เกียรติทุกพรรคการเมือง หากมีโอกาสเทียบเชิญพรรคอื่นหรือบุคคลอื่นก็จะทำ ส่วนจะเทียบเชิญพรรคไทยสร้างไทย ที่เคยโหวตให้นางสาวแพทองธารหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่คงต้องมีการพูดคุย
ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำ ที่ไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์และเทียบเชิญเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและร่วมมือกันบริหารประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ต้องนำเทียบเชิญ เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส.ในวันพรุ่งนี้(29 ส.ค.)
นายเดชอิศม์ กล่าวต่อว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น มีแต่ความรักความเข้าใจและการให้อภัยกับพรรคเพื่อไทย ส่วนการพูดคุยกับโหวตเตอร์ของพรรคประชาธิปัตย์ นั้น ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีที่แล้วกับวันนี้ สถานการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศก็ไม่เหมือนกัน รวมถึงแนวคิดในการพัฒนาประเทศก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองพรรคเข้ากันได้และเดินหน้าไปด้วยกันถือเป็นสิ่งที่ดีงาม
ขณะที่นายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน แกนนำของพรรคอีกกลุ่มหนึ่งก็ออกมาขัดค้าน ซึ่งภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมีฝ่ายที่ร่วมรัฐบาลและไม่ร่วม แต่เมื่อผ่านมติของพรรคทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม และหากไม่ปฏิบัติตาม คงเป็นเช่นนั้นไม่ได้เพราะทุกคนต้องยึดถือตามมติของพรรค
นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคสำรองในการเข้าร่วมรัฐบาล เพราะในการลงมติให้นาย เศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี มีสมาชิก 16 คนโหวตเห็นชอบ ซึ่งในเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ร่วมรัฐบาล และเหตุการณ์ในขณะนั้นกับวันนี้ก็ไม่เหมือนกัน พรรคต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์บ้านเมือง และย้ำว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการผลักพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วม เหตุผลที่พรรคพลังประชารัฐออกไม่เกี่ยวข้องกับประชาธิปัตย์
ส่วนโควตารัฐมนตรีขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะให้พรรคประชาธิปัตย์นั่งกระทรวงไหน เพราะวันนี้ไม่อยากก้าวล่วงไปถึงอำนาจนายกรัฐมนตรี ไม่กังวลการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี และตนยังไม่ทราบเลยว่าถูกร้องเรื่องอะไร
นายเดชอิศม์ กล่าวต่อว่า ส.ส.เขตส่วนใหญ่ เมื่อลงพื้นที่สอบถาม ประชาชนก็ให้ความสนใจ อยากให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาล
ทั้งนี้ ในหนังสือพรรคเพื่อไทย ที่ลงนามโดย นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคพรรคเพื่อไทย เรื่อง ขอเชิญร่วมรัฐบาล ที่ส่งถึง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีรายละเอียดระบุว่า
ตามที่ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีได้เชิญพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยได้แถลงผ่านสื่อมวลชนเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว นั้น
พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลที่มี ความรู้ ความสามารถ และมีอุดมการณ์ที่จะทำงานร่วมกันได้ จึงขอเรียนเชิญพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อร่วมกันบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ และความผาสุก ของประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้ท่านดำเนินการตามขั้นตอนภายในของพรรคและโปรดส่งรายชื่อบุคคลที่ท่านเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีส่งมายังพรรคเพื่อไทย ผ่านทางเลขาธิการพรรคโดยด่วนต่อไป