"พริษฐ์" ขอถอนวาระแก้รธน. มาตรา 272 เหตุสิ้นสภาพแล้ว พร้อมย้ำขอความร่วมมือรัฐสภา หวังคลายปมปัญหาการเมือง เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย
การประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันนี้ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม วาระแรกเป็นเรื่องที่ประธานแจ้งต่อที่ประชุมรับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรค 1 (2)
จากนั้นเป็นการพิจารณาเรื่องด่วน ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่..พ.ศ…. ยกเลิกมาตรา 272 ที่นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับคณะเป็นผู้เสนอซึ่งเป็นประเด็นปิดสวิตช์สว. ไม่ให้มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี
โดยนายพริษฐ์ วัชสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ขอเป็นตัวแทนของนายชัยธวัช ในการชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพราะนายชัยธวัช ไม่มีโอกาสมาชี้แจงเอง ว่าเราได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.66 โดยเป็นการยกเลิกมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 60
ซึ่งเป็นมาตราที่ให้อำนาจของ สว. ที่มาจากการแต่งตั้งมาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี กับสส. ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความพยายาม ณ เวลานั้นในการทำให้การเลือกนายกฯและการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.66 เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตยแบบปกติตามระบบรัฐสภา นั่นคือใครก็ตามที่สามารถรวบรวมเสียงของสส.ที่มาจากการเลือกตั้งได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็จะมีสิทธิ์ในการตั้งรัฐบาล แล้วมีบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกฯ
“ถ้านับจากวันที่เราเสนอร่าง มาถึงวันนี้ นับเป็นเวลา 414 วัน ล่วงเลยเวลามายาวนานพอสมควร เหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยหรือไม่ คงต้องให้ประชาชนเป็นผู้วินิจฉัย แต่ข้อเท็จจริงที่สำคัญคือมาตรา 272 ในเมื่ออยู่ในบทเฉพาะกาล ได้หมดอายุและสิ้นสภาพไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเพื่อประหยัดเวลาของที่ประชุมรัฐสภา ผมขออาศัยอำนาจตามข้อบังคับข้อที่ 37 ในการถอนร่างแก้ไขรัฐธรรรมนูญ ฉบับดังกล่าว ออกจากระเบียบวาระ” นายพริษฐ์กล่าว
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตพ่วงไปด้วย 2 ข้อ คือ 1.ถึงแม้ว่ามาตรา 272 จะสิ้นสภาพแล้ว ตนก็หวังว่าจะไม่มีใครใครอนาคตที่จะเสนอแก้รัฐธรรมนูญใดๆ ที่ทำให้ใครก็ตามที่ไม่ได้มาจาการเลือกตั้งของประชาชนมีอำนาจในการมาร่วมเลือกนากยฯ ซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตยสากล และ
2.ต้องยอมรับว่าถึงแม้มาตรา272 จะสิ้นสภาพแล้ว แต่รัฐธรรมนูญ60 ยังมีปัญหาอยู่อีกหลายจุดที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานประชาธิปไตยสากล และนำมาสู่ปัญหาทางการเมืองที่เราเห็นกันอยู่หลายเรื่องในปัจจุบัน
ซึ่งการจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และถ้าเราย้อนไปดูนับตั้งแต่วันที่มีการแต่งตั้งรัฐบาลชุดแรกหลังจากการเลือกตั้ง และมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เรามีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาแค่ 1 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นถ้าเราอยากจะเดินหน้าในการแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหา พวกเราต้องประชุมรัฐสภาบ่อยขึ้น
ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนให้ถอน ญัตติออก มองเป็นเรื่องดี ซึ่ง สว.ชุดก่อนได้หมดวาระแล้ว และเชื่อว่าในอนาคตเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะทุกอย่างต้องเกิดจากเสียงของประชาชน พรรคเพื่อไทยหวังว่า ในอนาคตจะเห็นความร่วมมือในรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เมื่อไม่มีผู้ใดขัดข้องตามที่นายพริษฐ์ขอถอนถือว่าที่ประชุมรัฐสภาอนุญาตให้ถอนเรื่องดังกล่าวออกไปได้