'ธนกร' ชง 7 ข้อ แก้ปัญหา หนี้นอกระบบ หนุนตั้ง 'ศูนย์แก้หนี้แห่งชาติ'

'ธนกร' ชง 7 ข้อ แก้ปัญหา หนี้นอกระบบ หนุนตั้ง 'ศูนย์แก้หนี้แห่งชาติ'
ธนกร' ชง 7 แก้หนี้นอกระบบ หนุนตั้ง"ศูนย์แก้หนี้แห่งชาติ" รื้อกฎหมายคุมนายทุนปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหด กระทุ้ง 'นายกฯ-มท.1-ผบ.ตร.' เร่งเครื่อง หลังประชาชนเดือดร้อนหนัก

วันที่ 11 ตุลาคม 2567 นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ปัญหาหนี้นอกระบบ ยังคงเป็นปัญหาที่ฝังลึกในสังคมไทยมานาน และกำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างรุนแรง โดยในไตรมาส 4 ปี 2566 ข้อมูลระบุว่า หนี้นอกระบบในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 3.48 ล้านล้านบาท

ซึ่งคิดเป็น 19% ของ GDP ประเทศ หรือประมาณ 1 ใน 5 ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด โดยมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้นอกระบบไม่เพียงเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อโครงสร้างสังคมและความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การบังคับให้ประชาชนต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูงทำให้หลายคนติดอยู่ในวงจรหนี้อย่างไม่มีทางออก 

ซึ่งเกิดจากการขาดแคลนเงินออมและรายได้ที่ไม่เพียงพอ สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย  ตนจึงขอฝากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ เร่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบและหาแนวทางแก้ไขอย่างบูรณาการเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเสนอให้รัฐบาลนำข้อมูลรายงานของคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาหนี้สิน ความยากจน และลด ความเหลื่อมล้ำที่ได้เสนอแนวทางการบริหารจัดการปัญหาหนี้นอกระบบไว้มาใช้แก้ปัญหา

เพื่อบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเสนอให้มีการจัดตั้ง “ศูนย์แก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ”และการปรับปรุงข้อจำกัดของกฎหมาย ซึ่งแนวทางนี้ถือว่ามีศักยภาพมากในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างครอบคลุม 7 แนวทางดังนี้

โดยแนวทางแรก คือการส่งเสริมสินเชื่อถูกกฎหมาย สนับสนุนการสร้างแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์หรือธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่อยู่ภายใต้การกำกับ โดยกระทรวงการคลังดำเนินการอยู่แล้ว สามารถขยายโครงการที่มีอยู่ ปัจจุบันมีนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์จำนวน 1,142 ราย ครอบคลุม 75 จังหวัด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ปลอดภัยมากขึ้น 

แนวทางที่ 2 รัฐบาลอาจจัดตั้งโครงการสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น สินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือสินเชื่อที่สนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจโดยยึดข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

แนวทางที่ 3 การปรับโครงสร้างทางการเงินและการแข่งขัน โดยส่งเสริมการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่สถาบันการเงินและไมโครไฟแนนซ์ โดยเปิดโอกาสให้บริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินเข้ามาแข่งขันในตลาดการเงินมากขึ้น เพื่อลดการผูกขาดของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยลดลงและสร้างทางเลือกให้กับประชาชนในการเข้าถึงสินเชื่อ

ขณะที่แนวทางที่ 4 การปราบปรามกลุ่มนายทุนหนี้นอกระบบ ควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยการปรับโครงสร้างกฎหมายเพื่อปราบปรามกลุ่มนายทุนหนี้นอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด และจัดตั้งหน่วยงานพิเศษที่ทำงานร่วมกับตำรวจในการตรวจสอบและจับกุมเจ้าหนี้ที่กระทำผิดกฎหมายให้มีโทษเพิ่มขึ้น 

ส่วนแนวทางที่ 5 การให้การศึกษาและคำปรึกษาทางการเงิน สร้างโปรแกรมให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนในระดับชุมชนเพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการหนี้ ให้ความรู้เรื่องการออมเงิน และการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของหนี้นอกระบบ โดยใช้โรงเรียน สถาบันชุมชน และการฝึกอบรมออนไลน์เป็นสื่อกลาง 

แนวทางที่ 6 การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้ประชาชน โดยรัฐบาลควรลงทุนในโครงการฝึกอบรมทักษะและการพัฒนาทักษะใหม่ (Reskilling/Upskilling) เพื่อเพิ่มโอกาสการจ้างงานที่มีรายได้สูง ลดการพึ่งพาหนี้สินในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 

และแนวทางที่ 7 การปรับปรุงกฎหมาย ควรมีการปรับโครงสร้างหนี้นอกระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีการอนุญาตให้ผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ โดยไม่ต้องกลัวการถูกดำเนินคดีหรือถูกข่มขู่ นอกจากนี้ ควรกำหนดเพดานดอกเบี้ยที่ชัดเจนและเป็นธรรม รวมถึงบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับเจ้าหนี้ที่คิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

"หลังจากที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้แก้ปัญหา เรื่องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบมาบางส่วนแล้ว จึงขอฝากนายกรัฐมนตรีรวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการความร่วมมือ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ครบทั้งวงจร

รวมถึงแก้กฎหมายควบคุมนายทุนปล่อยกู้นอกระบบให้คิดอัตราดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และคุ้มครองผู้กู้หรือลูกหนี้ไม่ให้เกิดการถูกคุกคามข่มขู่ทำร้าย ควบคู่กับการพัฒนาและการให้สินเชื่อที่ประชาชนและผู้ค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ จะช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบให้อยู่ในระบบได้มากขึ้น เชื่อว่า หากทำจริงจังและแก้ปัญหาให้ต่อเนื่อง จะเกิดความยั่งยืน ช่วยให้พี่น้องประชาชนหลุดออกจากวงจรหนี้สินได้แน่นอน" นายธนกร กล่าว
 

TAGS: #หนี้นอกระบบ #ธนกร #ประชาชน