"ภูมิธรรม" ย้ำ จุดยืนพรรคร่วมฯชัด พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่แตะ ม.112  ย้ำไม่นิ่งนอนใจคดีตากใบ

"ภูมิธรรม" ย้ำ จุดยืนพรรคร่วมรัฐบาลชัด ไม่แตะ ม.112 พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจในคดีตากใบ  ขออย่านำมาเป็นข้ออ้างเคลื่อนไหวการเมือง ชี้รัฐบาลเยียวยาเต็มที่กว่า 600 ล้านบาท 

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผย จุดยืนของพรรคเพื่อไทยต่อรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาพิจารณาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ต้องไปดูที่สภาฯ ซึ่งเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีได้ตอบไปแล้ว ไม่ต้องถามซ้ำ โดยนายกรัฐมนตรีบอกว่า ทุกพรรคเห็นเหมือนกัน คือไม่เอามาตรา 112 เพราะเป็นเงื่อนไขในการตั้งรัฐบาล 

เมื่อถามว่า กรณีที่บอกว่าแยกหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร กับฝ่ายสภาฯ หมายความว่าอย่างไร แสดงว่าไม่ต้องเห็นตรงกันก็ได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่ใช่ ฝ่ายบริหารก็ร่วมมือกันทำงาน ในส่วนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ก็พยายามแก้ไขปัญหาพูดคุยกัน ซึ่งเมื่อวานได้รับประทานอาหารด้วยกันก็ถือว่า ได้พูดคุยกัน อะไรที่เป็นวิธีทำงานที่ทุกคนร่วมมือกันได้ก็ทำกัน ส่วนฝ่ายสภาฯ ก็มีวิปดูแล ที่ต้องดำเนินการในกฎหมายแต่ละฉบับ ซึ่งจะเห็นเหมือนหรือเห็นต่างก็มาว่ากันในรายละเอียด เพราะฉะนั้น 2 อำนาจนี้ได้แยกกันชัดเจน หากเอาปัญหากฎหมายมาถามรัฐบาลมันก็คนละเรื่องกัน ขณะนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลร่วมมือกันทุกอย่าง โดยจะเห็นเหมือน หรือเห็นต่าง นายกรัฐมนตรีก็ตอบแล้วว่า เริ่มต้นมาก็ได้คุยทั้งสิ่งที่เห็นเหมือน และเห็นต่าง ซึ่งเรื่องของพรรค พรรคก็ไปคุย โดยจริง ๆ อาจจะดูเป็นเหมือนเรื่องเดียวกัน แต่มันแยกบทบาท 

เมื่อถามว่า พอจะบอกได้หรือไม่ว่าเรื่องที่เห็นต่างมีอะไรบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเซนซิทีฟ ตามที่นายกรัฐมนตรีบอก ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องพูดคุยกัน และเพื่อที่จะต้องทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น นายกรัฐมนตรีก็ได้บอกแล้วว่า จะเชิญแต่ละพรรคมาพูดคุยกันเป็นประจำ เพราะมีปัญหาที่หลากหลาย

นายภูมิธรรม กล่าวถึง คดีตากใบที่จะหมดอายุความ จะมีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)นับอายุความใหม่หรือไม่ ว่า ให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาอยู่ ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฏหมาย ขณะที่ นักวิชาการอยากเห็น การดำเนินการของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม มากกว่าปล่อยให้คดีผ่านไป  การดำเนินการของตำรวจ ได้ขอตรวจค้นบ้านผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีทั้งหมด ซึ่งมีการบันทึกภาพถ่ายอย่างชัดเจนในขณะตรวจค้น ได้กำชับทุกฝ่าย และเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง 

ส่วนมีการประเมินว่าคดีตากใบจะเป็นเงื่อนไขการก่อเหตุ ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ใหม่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า  เงื่อนไขภาคใต้มีอยู่ตลอด และเป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐไทย ไม่ใช่ความมั่นคงของรัฐบาลดังนั้นต้องระมัดระวัง อย่าให้มีการนำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขทางการเมือง เพราะจะทำให้กระทบกระเทือนกับความมั่นคงของรัฐไทย เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทุกคนพยายามทำอยู่ และมีกระบวนการที่ต้องดูในรายละเอียด เข้าใจว่าทุกคนหวังดี แต่อยากให้ดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งนี้ไม่ได้ปฏิเสธว่าญาติผู้เสียหาย แต่ได้พยายามดูแล หากจะพูดในเรื่องนี้ต้องไปดูตั้งแต่ต้น รัฐบาลที่ผ่านมาในอดีตได้ทำมาตลอด ย้ำว่า เรื่องนี้รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง และกระบวนการของกฎหมายได้เคยขึ้นศาลมาถึง 4 คดี  ผู้ถูกกล่าวหาเป็นประชาชน เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว นายกรัฐมนตรีในสมัยหนึ่งก็มีการประกาศยกเลิกคดี เพื่อให้เกิดความสามัคคี แต่ความรุนแรงก็ไม่ลดลง ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่าความรุนแรงมาจากกรณีใด คดีตากใบเป็นแค่ตัวอย่างในการนำมาใช้เคลื่อนไหว ทางการเมืองเพียงเท่านั้น ซึ่งปัญหาตากใบมีความซับซ้อน ต้องดูในรายละเอียด

ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจะต้องมีการชี้แจงองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC ที่จับตาอยู่ หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่มีอวค์กรมุสลิมโลกเสนอความเห็นมา รวมถึงยังไม่มีการทวงถาม ซึ่งได้พูดคุยกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าเมื่อ 20 ปีมาแล้ว แต่หากเป็นเรื่องอื่นอาจเป็นไปได้ที่จะต้องมาพูดคุย รัฐบาลนี้ใช้เงินไปกว่า 600 ล้านบาทในการเยียวยาให้แก่ผู้เสียหายอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นกระบวนการต่อเนื่องมา ไม่ใช่ประเด็น ที่ใครจะมองว่ารัฐบาลนิ่งนอนใจ ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ 

ถามย้ำว่าก่อนหมดอายุความมีความพยายามโทรติดตามพล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมอย่าใช้ประเด็นนี้มาอ้างว่า รัฐบาลไม่ทำอะไร ซึ่งได้ย้ำไปแล้วว่าเป็นความมั่นคงของรัฐ และขอให้ดูในข้อเท็จจริงซึ่งได้ทำตามกระบวนการมาหมดแล้ว

TAGS: #นิรโทษกรรม #112 #คดีตากใบ