"ชูศักดิ์" รับ เข้าให้ปากคำอัยการเพิ่มเติม ปมถูกร้อง คดีล้มล้างการปกครอง รอศาลรัฐธรรมนูญเคาะรับหรือไม่ มั่นใจ"ทักษิณ" ช่วยผู้สมัครนายกอบจ.หาเสียงไม่ผิด ลั่น ทำได้ ทำมาแล้ว
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล ชี้แจงถึงกรณีที่มีการนำเสนอรายงานข่าวการเข้าให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนที่สำนักงานอัยการสูงสุด กรณีถูกยื่นคำร้องขอให้พรรคเพื่อไทยหยุดการกระทำที่นำไปสู่การล้มล้างการปกครอง ว่า กรณีที่มีรายงานข่าวบอกว่าคณะทำงานของอัยการมีความเห็นแบบหนึ่ง แล้วอัยการสูงสุดมีความเห็นแย้งไม่ตรงกับรายงานข่าว ไม่เป็นความจริง แต่ที่รับรู้อัยการสูงสุดให้สอบเพิ่มทั้งฝ่ายผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง เพราะเดิมทางคณะทำงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว แต่ท้ายที่สุดอัยการสูงสุดให้สอบเพิ่มเพื่อให้ละเอียดและรอบคอบ จึงเป็นที่มาให้พรรคเพื่อไทย เข้าให้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ตนจึงเดินทางเข้าไปให้ปักคำเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม ประกอบการรวบรวมเอกสารหลักฐาน ให้อัยการสูงสุดส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งความเห็นภายในวันที่ 8หรือ15 พฤจิกายนนี้ เพื่อประกอบการวินิจฉัยว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง ซึ่งตนก็ยังไม่มั่นใจแต่ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และเป็นสาเหตุให้ตนเดินทางไป และตนก็ให้การตามที่ ทุกคนเคยรับรู้รับทราบแล้ว
เมื่อถามว่าการที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเริ่มเคลื่อนไหว ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีขึ้นทางคดีที่ถูกร้องอยู่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องแยกกันระหว่าง คดีของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกคนก็ทราบว่าผู้ร้องคือใคร และร้องประเด็นใด ซึ่งเป็นการร้องตามมาตรา 49 ว่าด้วยการล้มล้างการปกครอง แต่พรรคเพื่อไทยดูแล้วคำร้องทั้งหมดนั้นไม่เข้าตามมาตราดังกล่าว เพราะฉะนั้นตนขอใช้คำง่ายๆว่า ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมันมั่ว ส่วนคำชี้แจงของเราจะเป็นอย่างไรก็ว่ากันไป พร้อมย้ำว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่ผลก็ยังไม่ทราบ
ขณะเดียวกันนายชูศักดิ์ ยังระบุอีกว่า คำร้องอีก 1 เรื่องที่ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. ในเรื่องการครอบงำพรรคของนายทักษิณ ตนยืนยันว่าไม่ใช่ การครอบงำอะไร
ส่วนกรณีที่นายทักษิณจะขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครหาเสียง เลือกตั้งนายกอบจ.ที่จังหวัดอุดรธานี สามารถทำได้หรือไม่นั้นนายชูศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมากกต.ก็อนุญาต ให้บุคคลประเภทนี้ ที่เขาเรียกว่า ผู้ช่วยหาเสียง เรื่องที่ผ่านมานายทักษิณก็ทำมาตั้งนานแล้ว และเป็นบุคคลประเภทเดียวกับ นายณัฐวุฒิใสเกื้อ ซึ่งที่สำคัญผู้สมัคร สามารถตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียงตามระเบียบได้ เนื่องจากไม่ได้มีการกำหนดคุณสมบัติ และที่ผ่านมานายทักษิณก็ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียงตั้งแต่การเลือกนายกอบจครั้งที่ผ่านมาแล้ว และก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่ามีการแจ้งกับกกต.เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่าเป็นเรื่องของผู้สมัคร
เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจว่าจะไม่มีการยื่นร้องเอาผิดย้อนหลังใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ทำได้และทำมาแล้ว ตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับระบุว่า ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นผู้ช่วยหาเสียงพื้นที่ใด ซึ่งตามระเบียบสามารถทำได้ แค่นั้นเอง
เมื่อถามว่าการที่นายทักษิณลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร นายกอบจ. อุดรธานีครั้งนี้จะเป็นการทุ่มชิงพื้นที่ จะพรรคประชาชนหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ต้องไปถามผู้สมัคร ว่าโดยรวมนั้นเป็นอย่างไร เพราะยุทธศาสตร์เหล่านี้เป็นเรื่องของพรรคว่าคิดอย่างไร แต่แน่นอนว่าจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะเห็นนายทักษิณ ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงบ่อยขึ้นหรือไม่นายชูศักดิ์ระบุว่า เป็นเรื่องของดุลยพินิจของนายทักษิณที่จะดูเรื่องความเหมาะสม
เมื่อถามย้ำว่ากังวลหรือไม่ ว่าหลังจากนี้จะมีบันดาลนักร้องนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียน ยังย้ำคำเดิมว่าไม่ได้กังวลอะไร เพราะตามระเบียบสามารถทำได้และเคยทำมาแล้ว พร้อมย้ำว่าไม่ต่างอะไรกับหลายคนที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคการเมือง และพรรคเพื่อไทยก็มีบุคคลประเภทนี้มาก ก่อนทิ้งท้ายว่า เพราะโดนกระทำมาเยอะ