“สรวงศ์” ยัน ไม่มีกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ร่วมวงมาม่าบ้านจันทร์ส่องหล้า มั่นใจแจง 6 ข้อร้องเรียนได้ หลังอัยการส่งศาลรธน.รับคำร้อง ปมยุบเพื่อไทย "ทักษิณ"ไม่เกี่ยวกับพรรค

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  เผย กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 67 ไปกินมาม่ากับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ว่า ตนไม่ทราบ เพราะตนอยู่รัฐสภา  ยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆ วันที่เป็นข่าวไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยอยู่ในที่เกิดเหตุเลย เพราะนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคฯ ก็อยู่บนเครื่องบิน ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย และน.พ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ก็ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค

ส่วนกรณีที่การประเมินสถานการณ์ หลังอัยการส่งคำร้องยุบเพื่อไทยให้ศาลรัฐธรรมนูญ และคาดการณ์ว่าวันที่ 22 พ.ย. 67 จะมีการตัดสินนายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร เรายืนอยู่บนความตรงไปตรงมา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็พร้อมที่จะต่อสู้ในแง่มุมของความบริสุทธ์ใจ

ส่วนการที่ศาลรับคำร้องจะส่งผลให้ ครม.หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น นายสรวงศ์ ระบุว่า เรื่องนี้ในข้อกฎหมายตนไม่ทราบ แต่หากศาลรับคำร้อง ตนมองว่าไม่เกี่ยวอะไรกับ ครม.

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าสามารถแจงได้ทั้ง 6 ข้อกล่าวหาเลยหรือไม่ นายสรวงศ์ เผยว่า จริงๆ ก็แจงได้หมด เพราะนายทักษิณ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคเพื่อไทย เว้นแต่เป็นพ่อของหัวหน้าพรรคแค่นั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่ตอนแรกมีข่าวว่าจะเสนอชื่อนายชัยเกษม เป็นนายกฯ แล้วเปลี่ยนเป็นนางสาวแพทองธาร จะสามารถใช้เปฺนข้อต่อสู้ได้หรือไม่ นายสรวฃศ์ ระบุว่า จริงๆ ไม่เกี่ยวเลย และตนก็ทราบจากสื่อมงลชนว่ามีการเคาะชื่อนานชะยเกษมออกมา แต่ในส่วนของการเป็นเลขาธิการพรรคเราก็มีการพูดคุยกันว่าจะมีการประชุมพรรคในเช้าวันถัดมา และสมาชิกก็มอบหมายให้กรรมการบริหารพรรคได้สรรหาบุคคลที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ  ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง

ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะไปช่วยหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี ว่า เรื่องนี้แล้วแต่ผู้สมัครขอมา เพราะการตั้งผู้ช่วยหาเสียงเป็นอำนาจของผู้สมัคร โดย จ.อุดรฯ นั้น นายศราวุธ เพชรพนมพร ซึ่งเป็นผู้สมัคร ก็อยากให้นายทักษิณ ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง จึงได้เชิญไปแล้วนายทักษิณตกลง จริงๆ ไม่ได้เชิญผ่านพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการเชิญส่วนตัว เพราะการตั้งผู้ช่วยหาเสียงขึ้นอยู่กับตัวของผู้สมัคร ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค

เมื่อถามว่าการที่นสยทักษิณ ไปช่วยหาเสียงจะทำให้มั่นใจขึ้นหรือไม่ นายสรวงศ์ เผยว่า ต้องถามผู้สมัคร แต่ในส่งนของพรรคก็ถือว่าเป็นอีกกำลังหนึ่งที่ไปช่วยกันได้ เพราะดูจากการลงพื้นที่หาเสียงแล้ว เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าประชาชนก็ได้เห็นว่าใครอยู่ในพื้นที่ ใครไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หรือใครสามารถที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนได้

เมื่อถามต่อว่าจะลงทุกพื้นที่ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสานหรือไม่นั้น นายสรวงศ์ เผยว่า แล้วแต่พื้นที่ที่เราส่งผู้สมัคร เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งทุกจังหวัด จะส่งเพียงจังหวัดที่เราคิดว่าผู้สมัครสามารถเป็นตัวแทนของประชาชนได้ โดยต้องตกผลึกกันกับ สส.ในแต่ละจังหวัดด้วย

เมื่อถามอีกว่า จ.อุดรธานี ถือเป็นพื้นที่แข็งของเพื่อไทย แต่ทำไมครั้งนี้นายทักษิณ ถึงต้องลงพื้นที่เอง มีนัยยะสำคัญอะไรมากกว่านั้นหรือไม่  นายสรวงศ์ ระบุว่า ไม่มี เพียงแต่นายศราวุธ อยากให้นายทักษิณ ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง และเป็นการเชิญส่วนตัว มองว่าไม่ได้เป็นการปูพื้นฐานอะไร โดยนายทักษิณ ก็พูดไว้แล้วว่าเป็นการไปช่วยคนที่เคยร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา