“พริษฐ์” ทวงสัญญารัฐบาลรธน.ใหม่เสร็จก่อนเลือกตั้ง ย้ำ ประชามติ 2 ครั้งเพียงพอ

“พริษฐ์” ทวงสัญญารัฐบาลรธน.ใหม่เสร็จก่อนเลือกตั้ง ย้ำ ประชามติ 2 ครั้งเพียงพอ
"พริษฐ์" เผยหลังเข้าพบ "ประธานสภาฯ" ย้ำทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอ ชงเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ หวัง รัฐบาลทำตามสัญญาทำรธน.ใหม่เสร็จก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เผย ภายหลังการร่วมหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า วันนี้เป็นการประชุมหารือกันระหว่างคณะกรรมาธิการฯ และประธานรัฐสภาเกี่ยวกับเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยข้อถกเถียงหลักอย่างหนึ่งเกี่ยวกับกระบวนการนี้ คือเรื่องจำนวนในการทำประชามติ ในส่วนของกฎหมาย หรือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดไว้ให้ต้องทำอย่างน้อย 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้งนั้น มาถึงวันนี้ ความเห็นต่างในการตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ก็ยังคงมีอยู่ 

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า แต่เรามีข้อมูลเพิ่มเติม 2 อย่าง ที่ได้พูดคุยกับประธานสภาฯ และทีมในวันนี้ คือ 1.หากดูตามความเห็นส่วนบุคคลของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9 คน ประกอบคำวินิจฉัย ที่ 4/2564 นั้น จะเห็นว่าเสียงส่วนใหญ่ของตุลาการเขียนไว้ค่อนข้างชัดเจน ว่าการทำประชามติ 2 ครั้งนั้นเพียงพอแล้ว และ 2.คือข้อมูลที่มาจากการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อได้นำข้อมูล 2 ชุดนี้ หารือกับประธานสภาได้ข้อสรุปว่า หากจะให้คณะกรรมการประสานงานมีการวินิจฉัยเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง จะต้องมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาเพิ่มหมวด 15/1 เกี่ยวกับการมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เข้าสู่สภาอีกรอบหนึ่ง 

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ ตนจะไปหารือกับ ส.ส.พรรคประชาชน เพื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะทำให้คณะกรรมการประสานงาน มีโอกาสในการวินิจฉัยอีกครั้งว่า ตกลงแล้วจำเป็นจะต้องมี การทำประชามติเพิ่มขึ้นมาเป็นครั้งที่ 3 หรือสามารถทำ 2 ครั้งเพียงพอ และเรามีความหวังว่า ข้อมูลใหม่ที่ได้นำมาในวันนี้ จะเพียงพอในการทำให้คณะกรรมการประสานงานวินิจฉัยว่า 2 ครั้งเพียงพอ 

เมื่อถามว่าจะทันการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลเคยสัญญาไว้กับประชาชนว่า จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป หากย้อนไปตอนที่พรรคเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยูกับอดีตพรรคก้าวไกล แล้วมีการจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้มีแถลงการณ์ออกมา ระบุว่าต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง และเมื่อจัดทำเสร็จแล้ว จะมีการยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนด้วยซ้ำ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการตีความเจตนารมณ์ของแถลงการณ์นั้น หรือการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลชุดนี้ จะเห็นชัดว่าเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลได้สัญญาไว้ แต่มาถึงวันนี้ ชัดเจนว่าหากรัฐบาลเดินตามแผนเดิมที่จะมีการทำประชามติ 3 ครั้ง โดยไม่ริเริ่มครั้งแรก จนกว่าจะมีการแก้พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติเสร็จนั้น เป้าหมายดังกล่าวก็มีโอกาสเป็นจริงน้อยมาก 

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า หนทางเดียวที่จะทำให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นจริงได้ คือการลดจำนวนการทำประชามติจาก 3 เป็น 2 ครั้ง ซึ่งความพยายามที่ผ่านมาในการเข้าพบกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องคำวินิจฉัยศาล รวมถึงการหารือกับประธานสภาวันนี้ ให้อาจจะมีการทบทวนการตีความคำวินิจฉัย และบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ สสร. จะต้องทำอย่างไรนั้น ก็ล้วนเป็นความพยายามของตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ใช้ทันการเลือกตั้งครั้งถัดไป

เมื่อถามถึงกรณีที่เสียงจากทางแกนนำรัฐบาลเห็นว่าอาจจะไม่ทันนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากเดินตามแผนเดิม โอกาสทันก็น้อย แต่สิ่งที่ตนอยากเห็น คือความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เพราะเป้าหมายเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ เป็นเป้าหมายที่เป็นนโยบายของรัฐบาล และเป็นเป้าหมายที่แกนนำพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคประชาชน เห็นไปในทิศทางเดียวกัน 

“วันนี้ผมเองสวมหมวก 2 ใบ เป็น สส.ของพรรคประชาชน ซึ่งเป็นแกนนำของฝ่ายค้าน ที่อยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นจริง รวมถึงในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ด้วย จึงพยายามทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และอยากเห็นรัฐบาลมาร่วมมือกัน” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการหารือกับแกนนำพรรครัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ความจริงตอนเราออกหนังสือขอเข้าพบ เราได้ออกหนังสือ 3 ฉบับ พร้อมกัน คือ 1.นายกรัฐมนตรี 2.ประธานสภา และ3.ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้เข้าพบไปแล้ว 2 ท่าน เหลือเพียงกันรอคำตอบกลับจากนายกรัฐมนตรี อยู่ว่าจะให้เข้าพบเมื่อไหร่ เนื่องจากการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ ก็เคยระบุว่า ไม่ติดที่จะให้มีการเข้าพบ แต่วันนี้ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาจากนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น นี่เป็นเจตนาของเราอยู่แล้ว ในการพูดคุยกันกับฝ่ายบริหาร แต่อยู่ที่ว่าฝ่ายบริหารจะพร้อมให้เราเข้าไปพูดคุยเมื่อไหร่ 

เมื่อถามว่าหากเดินตามไทม์ไลน์ใหม่ ซึ่งคือการทำประชามติ 2 ครั้ง ประเมินว่าจะเห็น สสร. ใหม่ ทันปี 68 หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตัวแปรที่จะกำหนดกรอบเวลามีมาก ยกตัวอย่าง หากสมมุติมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่มหมวดเกี่ยวกับ สสร.เข้าสู่สภาแล้ว หากคณะกรรมการประสานงาน และประธานสภาฯ ตัดสินใจบรรจุในรอบนี้ ก็จะทำให้เข้าสู่การพิจารณาในวาระ 1 ได้ทันที ซึ่งหาก เปิดสมัยประชุมสภาในช่วงปลายปีนี้ หรือเดือนธันวาคม และสามารถทำให้เข้าได้ทันทีนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะผ่าน 3 วาระ ภายใน 3-6 เดือน และหากเป็นเช่นนั้น ประชามติรอบแรกก็จะเกิดขึ้นหลังผ่านวาระ 3 ซึ่งอาจจะเป็นช่วงหลังของปี 68 และเมื่อประชามติผ่านแล้ว อาจจะต้องมีกระบวนการการเลือกตั้ง สสร. โดยหากทำทุกอย่างให้เสร็จได้ภายในปี 68 สสร.จะมีเวลาในปี 69 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และทำให้เราสามารถนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ไปทำประชามติรอบที่ 2 ในช่วงต้นปี 70 ก็จะทันก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้น ตนอยากเห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการร่วมรักษาสัญญา 

เมื่อถามว่า ประธานสภาฯพูดถึงการประชุมร่วมกันของวิป 3 ฝ่ายหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ ร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขรายมาตรา ซึ่งถูกบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมแล้ว เป็นหน้าที่ของวิป 3 ฝ่ายที่ต้องหารือกันว่า จะมีการประชุมในวันไหน และจะนำร่างไหนเข้าก่อนหรือหลัง แต่เรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับ สสร. ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น เพราะต้องให้ประธานสภาบรรจุก่อน วันนี้เราจึงอยากให้มีการทบทวนใหม่ 

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคประชาชนจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไปใหม่ จะเป็นร่างเดิมหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงต้องมีการหารือกันก่อน แต่เวลานี้ยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปรับจากร่างเดิม สำหรับเหตุผลของประธานสภาฯ ที่ทำให้ต้องมีการยื่นใหม่ ทั้งที่มีร่างเดิมค้างอยู่ 2 ฉบับนั้น เป็นเพราะมีการวินิจฉัยไปแล้วเกี่ยวกับร่างนั้น ว่าไม่บรรจุ ดังนั้น เรื่องนั้นถือว่าสิ้นสุดไปแล้ว แม้จะมีข้อมูลใหม่ที่ได้มา ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคำวินิจฉัยได้ 

ขณะที่ ว่าที่ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเสริมว่า ตนเองในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน และเสนอความเห็นต่อประธานสภา ก็ได้รับข้อมูลใหม่ให้คณะกรรมการนำไปทบทวน หากมีการเสนอร่างจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

TAGS: #ประชามติ #แก้รธน #แก้รัฐธรรมนูญ #พรรคประชาชน #พริษฐ์วัชรสินธุ