"เศรษฐา"มั่นใจคิดใหญ่ทำเป็นแจกเงินดิจิทัล ยัน"ไม่กู้-ไม่สร้างสร้างหนี้-ไม่ขึ้นภาษี" 

"เศรษฐา"ไม่หวั่นกระแสโจมตีแจกเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท เชื่อยิ่งตียิ่งดีจะได้ขยายความออกไปเรื่อยๆยันไม่ได้ออกนโยบายสร้างหนี้ให้ประเทศ ไม่ได้ขึ้นภาษี แต่นำเงินเข้าระบบได้ 5 แสนล้าน 

เมื่อวันที่ 9  เม.ย.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวระหว่างลงพื้นที่เพื่อหาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.จ.ลำปาง 4 กรณีนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet)10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ยังถูกโจมตีจากพรรคการเมืองต่างๆ ว่า เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะจะได้เป็นการช่วยขยายความออกไปเรื่อยๆ เพราะนโยบายนี้โดน ทำให้พรรคการเมืองอื่นพูดถึง 

ทั้งนี้คิดว่านโยบายนี้พรรคเพื่อไทยต่อสู้ความยากจนของประชาชน ถ้าจะมาใช้การหยอดน้ำข้าวต้ม ทีละ 500-1,000 บาท คิดว่าไม่โดน ส่วนเรื่องที่ใช้เงิน 10,000 บาท ยืนยันไม่ได้มีการรีดภาษี เรามีการบริหารจัดการชัดเจน โดยเมื่อวานนึ้ (8 เม.ย. 2566) ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เรียกข้อมูลเพิ่มเติม คณะกรรมการบริหาร ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายกฎหมายได้รวบรวมข้อมูลแล้ว เข้าใจว่าได้นำส่งต่อ กกต.แล้ว ถ้า กกต.มีข้อสงสัยก็พร้อมชี้แจง ผมคิดว่าดีครับ จะได้เปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนมีระบบ จะได้ไม่มีข้อกังขาอะไร เป็นนโยบายที่โดนจริงๆ พรรคเพื่อไทยเราคิดใหญ่ เราทำเป็น

นายเศรษฐา ยืนยันการใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาทไม่ได้เป็นการสร้างหนี้ให้กับประเทศ ตรงนี้เราจะดูสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเป็นหลัก อย่าลืมว่าหนี้โตขึ้นบางส่วน จะทำให้จีดีพีของประเทศโตขึ้นด้วย อย่างงบประมาณที่เราวางแผนไว้ไม่ได้เป็นการเพิ่มหนี้สินให้กับประเทศ ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวจะเป็นจะทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบ 5 แสนกว่าล้านบาทด้วย ยืนยันไม่ได้ขึ้นภาษีแต่อย่างใด

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ชี้แจงเพิ่มเติมว่า กรอบงบประมาณได้กำหนดวงเงินไว้แล้วที่มารายได้ก็วางไว้หมดแล้ว ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการกู้เงินเพื่อนำมาชดเชยงบประมาณแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ได้เพิ่มภาระหนี้ของประเทศตามที่มีการกล่าวหา อีกทั้งเรื่องรีดภาษีนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขยับอัตราภาษีแต่ความสามารถ ของพรรคเพื่อไทยจะขยับฐานภาษีให้มากขึ้นและจะจัดเก็บรายได้ให้มากขึ้น อย่างนี้เขาเรียกว่ารีดภาษีหรือไม่ ต้องถามกลับไปยังคนที่กล่าวหาว่า นโยบายนี้เป็นการรีดภาษีหรือไม่ 

เมื่อถามถึงกรณีนายเศรษฐาได้ปราศรัยถึงข้อมูลการทุจริตของรับาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตอบโต้คนที่ทุจริตไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็น ดร.ทักษิณ  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  โดย นายเศรษฐา ระบุว่า ตนพูดถึงข้อมูลทุจริตที่จัดทำโดยต่างประเทศ ตนไม่ได้อยากพูดเรื่องนี้มาก แต่ยืนยันมีข้อมูลเรื่องนี้และตัวเลขเรื่องดังชีคอร์รัปชันที่สูงขึ้นทุกคนก็ทราบดี โดยย้ำขอให้ดูที่ตัวเลขการสำรวจ และย้ำว่า ตนนำเสนอในข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้สำรวจ หากพรรครวมไทยสร้างชาติจะไปเถียง ก็ขอให้ไปเถียงกับองค์กรนั้นดีกว่า

“อย่าเอามาวัด เขาว่าฉันเธอว่าฉันดีกว่า โดยใช้คำว่ายอมรับและนำไปปรับปรุงกัน เพราะเรามีหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ไม่ดี อันนี้ขอฝากไว้ละกัน” นายเศรษฐา ระบุ

ขณะที่ นพ.ชลน่าน  กล่าวเสริมว่า เรื่องอันดับการทุจริตของไทยร่วงลงมาอันดับที่ 110 ซึ่งเป็น องค์กรสากลในการสำรวจ CPI คะแนนลดต่ำลงมามาก ได้ 35 จาก 100 เต็ม

นายเศรษฐา ยังระบุกรณีนิด้าโพล สะท้อนเสียงของคนอุบลราชธานี โดยผลสำรวจพบว่าร้อยละ 45.55 อันดับ 1 เลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่สนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนนายเศรษฐาเป็นอันดับที่ 4 ร้อย 7.45 ว่า ถือเป็นกำลังใจ โดยไม่ได้ทำให้มีความเปลี่ยนแปลงของการหาเสียงพรรคเพื่อไทยในช่วง 30 วันโค้งสุดท้าย ส่วนความมุ่งมั่นที่จะเดินสายพูดคุยกับประชาชน อย่างเช่นวันนี้ได้รับฟังปัญหาของประชาชน ก็จะนำกลับไปหารือกับผู้บริหารของพรรคเพื่อหาแนวทางแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินในจังหวัดลำปาง หรือการเปิดตลาดการค้าในต่างประเทศ

เมื่อถามว่าโพลคะแนนนิยมสูงขณะนี้เป็นสัญญาณดีว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ 376 เสียงของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราพยายามที่จะทำให้ได้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพเสียงของประชาชน และจะทำงานหนักเหมือนเดิม และย้ำว่าทั้งนี้ทั้งนั้นในวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.จะเป็นวันชี้ขาด แต่วันนี้ยังคงต้องเดินหน้าทำงานต่อไป 

เข่นเดียวกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เสริมว่า เป็นผลสำรวจนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ 30 มี.ค.ซึ่งเป็นวันก่อนการประกาศนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดังนั้น เชื่อว่าหากนโยบายโดนใจประชาชนแบบนี้จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของโพล

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงอาการป่วยของ นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ว่า นายชัยเกษม เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาการเป็นปกติ มีอาการหลงลืมเล็กน้อย มีอาการเดินเซบ้าง แต่ความรู้สึกตัวการพูดจาเป็นได้ปกติ และตอนที่นำ นายชัยเกษม ขึ้นรถเข็นเพื่อนำตัวขึ้นรถพยาบาลนั้นเมื่อมีผู้สื่อข่าวมารอสัมภาษณ์ นายชัยเกษม ก็บอกว่าไม่เป็นไร พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าเลือกตั้งคราวนี้พรรคเพื่อไทยนอนมา ชนะอย่างเด็ดขาด นอนมา แต่ขณะนี้อาการของ นายชัยเกษม ต้องอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิด

TAGS: #เศรษฐา #เพื่อไทย #กระเป๋าดิจิทัล #เลือกตั้ง66