“พริษฐ์” ย้ำยืนตามสภาล่างประชามติเสียงข้างมากชั้นเดียว หวัง ป.ป.ช.พิจารณาคดีชั้น 14 เป็นธรรม

“พริษฐ์” ย้ำยืนตามสภาล่างประชามติเสียงข้างมากชั้นเดียว หวัง ป.ป.ช.พิจารณาคดีชั้น 14 เป็นธรรม
"พริษฐ์" ย้ำ ยืนตามสภาล่าง เกณฑ์ประชามติเสียงข้างมากชั้นเดียว ขอ “นายกฯ” แสดงบทบาทผู้นำปิดรอยร้าว ส.ส.-สว.  เชื่อยังได้ รธน.ใหม่ทันก่อนเลือกตั้ง หากร่วมมือ หวัง ป.ป.ช.พิจารณาคดี“ทักษิณ”ชั้น14เป็นธรรม

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน เผย กรณี การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ ของคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ  ว่า สิ่งที่จะต้องพิจารณากันในวันนี้คือการเห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ของกรรมาธิการร่วมซึ่งเป็นร่างเดียวกันที่ถูกแก้ไขโดยวุฒิสภา ที่เสนอเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือ ปฏิเสธร่างดังกล่าวเพื่อรอเวลอีก 180 วัน และยืนตามร่างเดิมของสภาผู้แทนราษฎรที่เสนอให้ใช้เสียงข้างมาก 1ชั้น ตนเข้าใจว่าเสียงของสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่น่าจะเห็นชอบกับทางเลือกที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาต่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โจทย์ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้กรอบเวลาไม่กระทบต่อความเป็นไปได้ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันต่อการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทางรัฐบาลได้สัญญาไว้ต่อประชาชน ทางออกที่ตนเสนอคือการลดจำนวนครั้งในการทำประชาชมติจาก 3 เหลือ 2 ครั้งเพื่อให้กรอบเวลาลดลง ในช่วงเวลา180วัน ที่รอร่างพ.ร.บ.ประชามติกลับมาพิจารณาอีกครั้ง สามารถพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ผ่าน 3 วาระของรัฐสภาคู่ขนานกัน 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า การผลักดันให้สำเร็จต้องผ่าน 2 ด่าน คือ ทำอย่างไรให้ประธานสภาฯบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสสร. ที่ทางพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเคยยื่นไปตั้งแต่ต้นปีและประธานสภาฯไม่บรรจุ ครั้งนี้ทางพรรคประชาชนจะยื่นร่างดังกล่าวเข้าสู่สภาฯในวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา หากทางคณะกรรมการได้เห็นถึงคำวินิจฉัยรายบุคคลหวังว่าการวินิจฉัยจะออกไปในทิศทางที่มองว่าการทำประชาชมติ 2 ครั้งเพียงพอ ซึ่งทางประธานสภาฯได้นัดหารือในเรื่องดังกล่าววันที่ 23 ธ.ค เวลา 10.00 น. ด่านที่ 2 ถึงแม้ประธานสภาฯจะบรรจุแล้วสามารถเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาโจทย์ต่อไปคือจะต้องทำอย่างไรให้รัฐสภาเห็นชอบด้วย จึงต้องไปดูรอยร้าวของทั้ง 2 รัฐสภาว่าเป็นรอยเดียวกันกับรอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ บุคคลที่จะยุติรอยร้าวคือนายกฯ เป็นสิ่งที่เราคาดหวังให้นายกฯแสดงบทบาทความเป็นผู้นำ รวมทั้งแสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่มีอะไรรับประกันว่าเราจะสำเร็จผ่าน 2 ด่านนี้ แต่ตนเชื่อว่ายิ่งคณะรัฐมนตรีให้ความร่วมมือในการพยายามฝ่าฟันเท่าไร โอกาสสำเร็จก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีควรเสนอร่างในลักษณะเดียวกันเข้ามาประกบกับร่างของพรรคประชาชน

ส่วนที่ทางรัฐบาลระบุว่าการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่ทันในรัฐบาลสมัยนี้ แต่จะตั้ง สสร.ให้ได้ นายพริษฐ์ระบุว่า ไม่อยากให้รัฐบาลยอมแพ้และปรับลดเป้าหมายเร็วเกินไป ยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสสร.จะเสร็จทันการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากสามารถลดจำนวนการทำประชามติสำเร็จ ยิ่งรัฐบาลร่วมมือกับเราเท่าไหร่ โอกาสที่จะสำเร็จจะมากขึ้นเท่านั้น ไม่อยากให้รัฐบาลเร่งปรับลดเป้าหมาย เพราะทุกครั้งที่รัฐบาลสัญญาอะไรไว้ต่อประชาชน หากไม่สามารถรักษาได้ท้ายที่สุดประชาชนจะแสดงออกผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับพิจารณาคดีเจ้าที่รัฐเอื้อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่าเรื่องนี้เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่พรรคประชาชนให้ความสนใจ และหวังว่าจะมีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาเที่ยงธรรมเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งในส่วนที่พรรคประชาชนทำได้คือกลไกของกรรมาธิการและอาจจะมีกลไกอื่นๆ ในการตรวจสอบเรื่องนี้เพิ่มเติมด้วย

ส่วนมองการทำงานของป.ป.ช.ในฐานะองค์กรอิสระอย่างไรนั้น นายพริษฐ์กล่าวว่า ด้วยองค์ประกอบและขอบเขตอำนาจตามกฎหมายที่มี สิ่งที่ต้องการเห็นคือองค์กรอิสระทำงานตรงไปตรงมาเที่ยงธรรม เป็นทำกับทุกฝ่าย ต้องคอยตรวจสอบเป็นกรณีไป และหากพูดถึงภาพใหญ่ของการออกแบบองค์กรอิสระ อีกโจทย์ที่สำคัญหากมีการพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนได้มองในมุมที่จะทำอย่างไรให้องค์กรอิสระทุกองค์กร มีขอบเขตอำนาจที่ชัดเจน ได้สัดส่วน ทำอย่างไรให้มีกระบวนการได้มา ของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ยึดโยงกับประชาชนในระดับหนึ่ง และมั่นใจได้ว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรม เช่น ป.ป.ช.จะทำอย่างไรให้มั่นใจว่าจะตรวจสอบเรื่องประเด็นทุจริตอย่างเข้มข้น เท่าเทียมกันโดยไม่มีการอ่อนข้อ ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และมีกลไกให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบ องค์กรอิสระได้มากขึ้นด้วย
 

TAGS: #พริษฐ์ #พรรคประชาชน #ปปช #ทักษิณ #ประชามติ #แก้รธน