"ณัฐวุฒิ" กางแผนปราศรัยเหนือตอนล่าง - อีสาน ชี้ ประชาชนตอบรับ "ดิจิทัล วอลเล็ต" ดี เหน็บ "ประยุทธ์" อย่าเหมารวม มั่นใจ เพื่อไทยทำได้แน่ ไม่เหมือนบางพรรค
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เผย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้นำทีมลงพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่างทำหน้าที่ในเขตเลือกตั้งของตัวเองอย่างเข้มแข็ง ในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าลงพื้นที่หาเสียง พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง เริ่มที่จังหวัดร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และอุดรธานี ระหว่างวันที่ 18-19 เมษายน 2566 นำทีมโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายอดิศร เพียงเกษ อดีตโฆษฆผู้นำฝ่สยค้านในสภาผู้แทนราษฏร
เริ่มจากวันที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 09.30 น. เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่โรงเรียนจันทรุเบกษา อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากนั้น ในเวลา 12:15 น.เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สาเกต ฮอลล์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนจะเดินทางไปเปิดเวทีปราศรัยที่สวนสุขภาพข้างที่ว่าการ อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ในเวลา 14.30 น. และในเวลา 16.00 น. เปิดเวทีปราศรัยที่สนามกีฬากลาง โรงเรียนวังมนวิทยาคาร อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดและกาฬสินธุ์ ถือเป็นพื้นที่ภาคอีสานที่มีฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยที่เข้มแข็งมาอย่างยาวนาน เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะให้การตอบรับจำนวนมากเช่นเคย
หลังจากนั้นจะเดินทางไปจังหวัดขอนแก่น ร่วมเดินตลาดต้นตาล อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ในเวลา 19.00 น. ส่วนในวันพุธที่ 19 เมษายน 2566 จะเปิดเวทีปราศรัยที่ลานตลาดนัดน้ำพอง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ในเวลา 10.30 น. จากนั้นจะไปพบปะผู้ประกอบการปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมไก่ย่างเขาสวนกวาง ณ มูลนิธิเจริญเชื้อ เพื่อสื่อสารนโยบาย เสนอแนวทางแก้ปัญหา และรับฟังข้อเสนอของผู้ประกอบการ ในเวลา 13.15 น.
ส่วนเวลา 15.00 น. จะเดินทางไปพบปะนักธุรกิจ พูดคุยประเด็นการยกระดับภาคอุตสาหกรรม และการขนส่งสินค้า พร้อมดูเส้นทางการสร้างรถไฟความเร็วสูง ณ นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ซึ่งการสร้างรถไฟความเร็วสูงถือเป็นนโยบายเดิมของพรรคเพื่อไทยก่อนการรัฐประหาร ซึ่งเพจพรรคเพื่อไทยได้โพสต์ระยะเวลาการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดต่างๆ ที่ลดระยะเวลาเดินทางได้เป็นอย่างดี และเกือบจะสำเร็จแล้วหากไม่มีการรัฐประหาร ซึ่งเราจะเดินหน้าต่อแน่นอนถ้าได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน จากนั้น เวลา 17.00 น. ขึ้นรถแห่พบปะพี่น้องประชาชน อ.เมือง จ.อุดรธานี ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตั้งแต่หลังสงกรานต์ พรรคเพื่อไทยจะมีภารกิจเวทีปราศรัยต่อเนื่องกันทุกวัน โดยจะปรับรูปแบบและยุทธวิธีไปสู่การลงคะแนนในช่วงโค้งสุดท้าย ในการปราศรัยบางเวที จะมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการสีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร่วมปราศรัยผ่านระบบออนไลน์ด้วย เช่น เวทีร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ เพื่อจะได้พูดคุยและสื่อสารนโยบายให้ประชาชน ส่วนแกนนำคนอื่นๆ จะมีการลงพื้นที่เช่นกัน เช่น วันที่ 18-20 เมษายน 2566 ทีมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย ลงภาคใต้ ในจังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช สงขลา วันที่ 19 เมษายน 2566 นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่ฉะเชิงเทรา และพื้นที่อื่นๆ ในภาคกลาง นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทีมในภาคอีสาน เป็นต้น แสดงให้เห็นถึงทุกองคาพยพของพรรคเพื่อไทยต่างลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อกลับมากรุงเทพฯ จะมีการปราศรัยต่อในวันที่ 20 เมษายน 2566 ในพื้นที่เขตคันนายาว และในวันที่ 21 เมษายน 2566 จะกลับไปอีสาน ที่จังหวัดหนองคาย และจังหวัดเลยในวันที่ 22 เมษายน 2566 ส่วนที่จังหวัดเพชรบูรณ์และสุโขทัย , ในวันที่ 23 เมษายน 2566 จังหวัดปทุมธานี, ในวันที่ 24 เมษายน 2566 เวทีปราศรัยในพื้นที่กรุงเทพฯ ย่านสะพานพระราม 8 , ส่วนวันที่ 25-27 เมษายน จะลงใต้ ไปจังหวัดภูเก็ต พังงา สงขลา นครศรีธรรมราช และในวันที่ 28 เมษายน 2566 จะกลับมาที่กรุงเทพฯ เขตดินแดง ห้วยขวาง
ในวันที่ 29 เมษายน ไปจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และในวันที่ 30 เมษายน 2566 ไปที่จังหวัดบุรีรัมย์
ทั้งนี้ในแต่ละวันขึ้นอยู่กับการเตรียมการ ที่จะมี 3-4 เวทีต่อวัน แต่ละเวทีจะมีนางสาวแพทองธาร พบปะประชาชนผ่านระบบออนไลน์ และจะพยายามพบปะพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด กำหนดการอาจเปลี่ยนแปลง ขึ้นกับสถานการณ์ที่กองอำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะพิจารณา
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึง ปฏิกิริยาที่มีต่อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทย ว่า มีทั้งประชาชนที่ตื่นตัว อยากเข้าถึงนโยบาย ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย ก็จะเป็นพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นในประสบการณ์และเกียรติประวัติของพรรคเพื่อไทยว่าสามารถทำนโยบายให้ปรากฎชัดเจนเป็นรูปธรรม พลเอกประยุทธ์อาจไปเทียบเคียงกับพรรคที่เคยเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่อาจจะทำนโยบายไม่สำเร็จ ยืนยันว่าไม่ใช่แนวทางของพรรคเพื่อไทย ส่วนพลเอกประยุทธ์ มีหน้าที่กลับไปดูว่านโยบายใดที่ประกาศแล้วทำสำเร็จ และนโยบายใดที่ประกาศในนามพรรคการเมืองใหม่ อาจจะทำไม่ได้อีก
“นายธนกร วังบุญคงชนะ บอกว่า สุดท้ายแล้วประชาชนจะเลือกลุงตู่ เหมือนเช่นที่เคยเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ผมเชื่อว่าตอนนี้ประชาชนเข็ดแล้ว เลือกความเป็นอยู่ ลุงตู่พอแล้ว ความสงบก็ไม่มี ความเป็นอยู่ยิ่งวิกฤต ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เอาพรรคการเมืองอีกฝ่ายเข้าไปทำหน้าที่ เช่นพรรคเพื่อไทย ส่วนการพยายามให้มีการตรวจสอบนโยบายพรรคเพื่อไทย ฝ่ายกฎหมายเราได้ยืนยันแล้วว่าทุกนโยบายผ่านการกระบวนการคิดมาโดยละเอียดรอบคอบ เราเชื่อมั่นว่าทุกการชี้แจงจะทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น ทุกนโยบายพรรคจะเกิดขึ้นได้ตามที่ประกาศไว้” นายณัฐวุฒิ กล่าว