"โรม" จี้ถาม ไทยได้ประโยชน์อะไรจากการส่ง 40 ชาวอุยกูร์กลับจีน บอก ยิ่งไปยิ่งแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาด มั่นใจอภิปรายครั้งนี้ สะเทือนรัฐบาลแน่ ลั่นมีหลักฐานมัดตัวดิ้นไม่หลุด เชื่อเอาผิดทางกฎหมายได้
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เผย กรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำทีมสื่อมวลชนไปติดตามความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ 40 คน หลังกลับไปยังจีน ว่า ยิ่งไปยิ่งแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาด จะเห็นความจริงได้อย่างไร ถามว่าการที่นายภูมิธรรมไปเพียงแค่การพูดคุย และได้พบหน้าเพียงพอที่จะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้หรือไม่ ตนเองคิดว่าไม่ใช่ เพราะเท่าที่ทราบ การไปครั้งนี้สื่อมวลชนก็ไม่ได้มีอิสระ หรือสื่อมวลชนที่ไปไม่ได้มีเสรีภาพในการทำข่าวขนาดนั้น ดังนั้น คิดว่าโดยภาพรวมทั้งหมดไม่ได้ตอบอะไร
“ไม่ได้ช่วยให้ในสิ่งที่โลกวิจารณ์ หรือเขากังวลว่าการส่งอุยกูร์ จะนำไปสู่การเสียชีวิต หรือการทำให้อุยกูร์ทั้ง 40 คนตกอยู่ในอันตราย ไม่ได้เปลี่ยนความคิดในเรื่องนี้ อาจทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้นอีก และในต่างประเทศอาจ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหนักยิ่งขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้คนไทยไม่ว่าจะเห็นด้วย หรือไม่กับการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับ แต่การส่งกลับครั้งนี้ ทำให้ประเทศไทยทำงานกับประเทศอื่นที่มีจุดยืนคนละแบบยากยิ่งขึ้น ทำให้การเจรจาการค้ามีอุปสรรคยิ่งขึ้น ทำให้ถูกมองในมิติสิทธิมนุษยชนยากยิ่งขึ้น จึงอยากให้ช่วยกันตั้งคำถาม ตกลงแล้วประเทศไทย ได้อะไรจากการส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน เรามีปัญหากับชาติตะวันตกเราได้อะไร เจรจาการค้ายากขึ้นแล้วได้อะไร หลายประเทศมีการเตือนอาจเกิดการก่อการร้าย เราได้อะไร ซึ่งเราไม่ได้อะไรเลยจากเรื่องนี้ มีแต่ทำให้ปัญหาของประเทศไทยแย่ยิ่งขึ้น
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจแย่ขนาดนี้ เราหวังพึ่งการค้ากับต่างประเทศ ต้องไม่ลืมว่าจะค้าขายกับประเทศจีนอย่างเดียว ก็ไม่ได้ ยิ่งเรื่องดุลการค้าไม่ต้องพูดถึงว่าขาดดุลขนาดไหน ภาพรวมทั้งหมดตนนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าการที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายภูมิธรรม ในฐานะที่มีบทบาทในเรื่องนี้ ช่วยตอบคำถามหน่อยว่าได้อะไรจากเรื่องนี้
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า อีกไม่กี่วันแล้วในเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รอบนี้เอาภาพรวมแล้วกัน ไม่ได้เจาะไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ยืนยันว่ารอบนี้สะเทือนแน่นอน
“คงไม่ได้มาพูดให้ดูน่าตื่นเต้น ผมยืนยันว่าผมได้เห็นข้อมูล แล้วผมค่อนข้างมั่นใจ ว่ารอบนี้คุณอุ๊งอิ๊งค์ เหนื่อยแน่นอน เพราะหลักฐานหลายๆ อย่างค่อนข้างมัดตัว และมัดตัวชนิดที่ว่าผมนึกไม่ออกว่าคุณอิ๊งค์ คุณแพทองธาร จะดิ้นหลุดได้อย่างไร ฉะนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ผมเชื่อว่าประสิทธิภาพของการอภิปราย จะส่งผลสะเทือนต่อรัฐบาล”นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ใช่ต้องการล้มรัฐบาล แต่ก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ว่ากันไปตามปัญหาที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ก่อเอาไว้ อย่าไปคิดว่า น.ส.แพทองธาร ทำหน้าที่มาไม่กี่เดือน แล้วมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั่นไม่ใช่ แต่ต้องบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ ในยุคสมัยของน.ส.แพทองธารมีความต่อเนื่องมาตั้งแต่ในอดีต ตั้งแต่ยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน จนถึงปัจจุบัน บางเรื่องอาจจะทำไปโดยที่ น.ส.แพทองธาร ก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เมื่อถามว่า จะสะเทือนเหมือน เรื่องตั๋วช้างในอดีตหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อาจจะสะเทือนกว่าด้วยซ้ำไป เรื่องนั้นเป็นเพียงเชิงการรับรู้ แต่ครั้งนี้ในเชิงการเอาผิดทางกฎหมายชัดเจนมาก
เมื่อถามว่าหากหลักฐานชัดเจนจะถึงขั้นพรรคร่วมรัฐบาลจะร่วมโหวตไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนตอบแทนพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ แต่ปัญหาที่มีความไม่แน่นอนในระหว่างพรรคร่วมด้วยกัน ก็เป็นปัญหาของประเทศ ตนไม่อยากมองว่าเป็นแค่วาระทางการเมือง แต่อยากให้มองเห็นถึงวาระของประชาชน
“การที่พรรคการเมืองหนึ่ง อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลแต่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และไม่ได้เห็นภาพของการบริหารราชการแผ่นดิน ไปในทิศทางเดียวกัน ผมคิดว่าสร้างปัญหามากมายให้เกิดขึ้น ฉะนั้นเมื่อเป็นแบบนี้เราก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่บางส่วนเราได้ข้อมูลมาจากใครก็ไม่รู้ล่ะ เราก็เอาข้อมูลเหล่านี้มา ใช้เป็นใบเสร็จในการเช็คบิล ต่อรัฐบาลอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งหมด” นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนข้อมูลที่ได้มาจากซีกฝั่งรัฐบาลหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าเรามีข้อมูลหลายทาง ตนคงไม่กล้าที่จะยืนยัน ว่าข้อมูลได้มาจากใครบ้าง แต่ตนคิดว่าข้อมูลทั้งหมดมาจากหลายส่วน และทำให้เห็นเป้าของน.ส.แพทองธาร อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ส่วนช่วงเวลาการอภิปรายแม้จะได้เพิ่มขึ้นแต่เป็นโจทย์ยากของฝ่ายค้าน เพราะมีช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนอาจจะไม่มีคนดูนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรารู้อยู่แล้วว่ามีความพยายาม ที่จะทำให้เราไปอภิปรายตอนดึก ซึ่งเราไม่ได้กังวลและเชื่อว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการอภิปรายที่สำคัญ และเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชน คงจะไม่ได้ส่งผลกระทบมาก ขณะเดียวกัน วันนี้เครื่องมือสื่อสารหลายอย่างไม่น่าเป็นห่วงขนาดนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรตนคิดว่า สำคัญอยู่ที่การอภิปราย สำคัญอยู่ที่การทำหน้าที่ของทั้ง 2 ฝ่าย แล้วหวังว่าในเมื่อเราตกลงกันแล้วฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ตามกรอบที่ได้ตกลงกันเอาไว้และขอให้เคารพกติกา เคารพข้อตกลง
“ไม่อยากให้กลายเป็นว่าสุดท้ายประท้วงจนเวลาเกิน ซึ่งถ้าเวลาเกินตามที่ตกลงกันไว้ก็ต้องเพิ่มขึ้นอีก 1 วัน ดังนั้นถ้าจะฝ่ายปฏิบัติตามกติกา ผมคิดว่ามันก็เดินไปได้ และผมเชื่อว่าไม่ว่าดึกแค่ไหน พยานหลักฐานต่างๆที่เราได้นำเสนอ ยังไงตนก็เชื่อว่าจะอยู่ในการรับรู้ของประชาชนอย่างแน่นอน และเชื่อว่าพี่น้องสื่อมวลชนจะอยู่กับพวกเราตอนดึก” นายรังสิมันต์ กล่าว