"บิ๊กป้อม" ซักฟอกครั้งแรก สอนมวย "แพทองธาร" ประเทศชาติไม่ใช่เวทีให้มือสมัครเล่นมาซ้อมมือ ด้าน นายกฯ ลุกขึ้นตอบทันควัน “ที่พูดมานั้นไม่เป็นความจริง”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจ ให้บริหารราชการแผ่นดิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป คือการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ที่ผิดพลาดล้มเหลว วันนี้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไข อย่างที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญา พนักงานถูกเลิกจ้าง บริษัทปิดกิจการจำนวนมาก ประชาชนหนี้ท่วมหัว ทั้งในระบบและนอกระบบ หนี้ครัวเรือนสูงถึง 104 % ราคาข้าวและพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลาดหุ้นดิ่งเหวในรอบ 3 ปีรัฐบาลไม่มีแนวทางอะไร ที่แก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
“ผมพยายามเอาใจช่วยนายกรัฐมนตรีให้แก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องคนไทยให้สำเร็จ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรี เคยบริหารธุรกิจมาก่อน คงมีประสบการณ์ที่จะมาช่วยประเทศชาติได้ แต่ปรากฎว่า นายกรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น ซ้ำยังถอยหลังไปอีก จนจีดีพีของไทยรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน และที่สำคัญ คือ การตัดสินใจที่ผิดพลาด ขาดความรู้ ความเข้าใจ เรื่องเศรษฐกิจ ด้วยการตัดงบประมาณนับแสนล้านบาท ที่ควรอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ไปใช้ แจกเงินหมื่น ซึ่งธนาคารโลกและ กองทุนIMF ได้ออกมาเตือนแล้วว่า การแจกเงินหมื่นไม่ได้ผล แต่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ แทน ถ้านายกรัฐมนตรีได้ศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจอย่างรอบคอบในทุกด้าน วันนี้คนไทยจะไม่ลำบาก ทุกข์ใจ ในเรื่องปากท้องอย่างแสนสาหัส”พล.อ.ประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนเป็นห่วงประเทศชาติอย่างมาก และไม่สบายใจต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง คือเรื่องของ MOU 44 ที่วันนี้ท่านพาประเทศชาติไปสู่ความเสี่ยง เรื่องการสูญเสียดินแดน และทรัพยากรทางทะเลมูลค่ามหาศาล และที่น่าเศร้าใจ คือ ลูกเรือประมงไทยที่นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะพากลับประเทศแต่ผ่านมา 4 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้กลับ
ในฐานะที่ตนทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดทั้งชีวิต ตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารบก รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนทราบดีว่า การดำเนินงานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในหลายมิติมาก ตนเห็นใจนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องที่ท่านไม่มีประสบการณ์ วันนี้ประเทศชาติไม่ใช่เวที ให้มือสมัครเล่น มาซ้อมมือ
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวต่อว่า การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะร่างกฎหมายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกกันว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลพยายามจะผลักดัน มันมีช่องให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องได้อย่างมาก ตนขอย้ำว่า โครงการนี้อันตรายอย่างที่สุด เพราะจะทำให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอีกมาก ซึ่งทุกวันนี้ การปล่อยปละละเลยในเรื่องต่างๆก็ส่งผลให้ไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจสีเทา และปัญหาอาชญากรรมมากมายอยู่แล้ว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขาดคุณสมบัติตาม รธน.มาตรา 160 ( 4 )(5)ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะเรื่องการถือหุ้น บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ตลอดจนการปล่อยปละละเลย ให้บุคคลในครอบครัวกระทำการให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตน ซึ่งเรื่องนี้ตนขอให้เป็นหน้าที่ตรวจสอบขององค์กรที่เกี่ยวข้องต่อไป ผลเป็นเช่นไร ตนเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินท่านเอง
”ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา ไม่ใช่การกล่าวด้วยอคติ แต่ข้อมูลหลักฐานต่างๆ สส. พรรคพลังประชารัฐอีก 4 คนจะนำเสนอในรายละเอียดต่อไป ผมขอขอบคุณ ส.ส.ทุกท่านในที่นี้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และประชาชนทุกคน ที่รับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเท่าตอนเป็นหนุ่มๆ ผมจึงใช้ ใจบันดาลแรงในการบริหารประเทศให้สำเร็จมาได้หลายอย่าง ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนุ่มสาวที่ยังมีแรง ผมเชื่อว่าถ้าท่านบริหารประเทศด้วยสติปัญญา มีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นในหลักการ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าครอบครัวพวกพ้อง ผมเชื่อว่าประชาชน จะชื่นชมและยอมรับท่านเอง ขอให้โชคดีครับ“พล.อ.ประวิตร กล่าว
ในช่วงท้าย พล.อ. ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณทุกคนในที่ประชุมแห่งนี้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีทุกคนที่รับฟังในสิ่งที่ตนเองพูด ตัวเองเป็นคนพูดไม่เก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉง ตอนเป็นหนุ่มๆ ตนเองจึงขอใช้ใจบันดาลแรงบริหารประเทศให้สำเร็จในหลายๆ เรื่อง ส่วนนายกรัฐมนตรียังหนุ่มสาวที่ยังแข็งแรง โดยตนเองเชื่อว่าท่านจะยังสามารถนำพาประเทศด้วยสติปัญญา มีความอ่อนน้อม และหนักแน่นแนวหลักการ และยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าครอบครัว และพวกพ้อง ประชาชนจะชื่นชมและยอมรับท่านเอง ขอบคุณครับ ขอให้โชคดี
เสร็จสิ้นการอภิปรายนั้นสมาชิกในที่ประชุมได้มีการปรบมือ ขณะที่ประธานในที่ประชุมได้แจ้งว่า ไม่ต้องตบมือ
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นตอบ ตนเองเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีด้านสมาชิก และด้านฝ่ายค้านขึ้นมาอภิปรายในประเด็นต่างๆ ต่อจากนี้อีกหลายคน ซึ่งตนเองก็จะพยายามตอบทุกๆ หัวข้อจะได้มีความสบายใจเกิดขึ้น
“สำหรับสมาชิกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐผู้อาวุโส เมื่อกี้ดิฉันได้ฟังท่านพูด และจับเวลาด้วยนาฬิกาของตัวเอง ท่านพูดประมาณ 10 นาทีและอยากจะบอกว่าที่ท่านสมาชิกอาวุโสพูดเมื่อสักครู่นี้ไม่เป็นความจริงค่ะ ขอบคุณค่ะ” น.ส.แพทองธาร กล่าว