นายกฯแจงที่ดินเขาใหญ่ถือครองตามกฏหมาย ขณะที่ digital wallet เจอมรสุมค้านจากหลายองค์กร แม้ไม่ตรงปกแต่ตรงเป้าหมาย ย้ำปมชั้น 14 เกิดในช่วงยังไม่เป็นนายกฯลั่นลาออกจากความเป็นลูกไม่ได้

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงในประเด็นที่ตัวแทนฝ่ายค้านอภิปราย ว่า เราได้ผ่านการอภิปรายมาแล้ว 1 วัน สื่อมวลชนก็ได้ถามตนว่ามีฝ่ายค้านฝากมาว่าอยากให้ตนพูดยาวๆหน่อย ซึ่งตนพยายามจะชี้แจงในเรื่องสำคัญเพื่อจะใช้เวลาของสภาให้คุ้มค่าที่สุด และอีกเหตุผลที่ตนอยากบอกคือหลายคนที่อภิปรายไปแล้วเมื่อวานนี้ บางคนก็อภิปรายในเรื่องของคนอื่น หรืออาจจะอภิปรายในเรื่องของรัฐบาลชุดอื่น ต้นจะไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไรดี โดยที่ผ่านมามีสมาชิกอภิปรายในเรื่องการครอบครองที่ดินของโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ จึงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็มี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้พูดในรายละเอียดไปบ้างแล้ว

นอกจากนี้มีกรมที่ดินที่ได้ชี้แจงในเรื่องการออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและบริษัทของครอบครัวตนก็ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด และการเข้าประกอบกิจการโรงแรมทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความถูกต้อง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆที่อยู่ในพื้นที่เขาใหญ่ด้วย จริงๆ หาไม่ยาก เพราะอยู่ตรงถนนธนะรัชต์เลย สามารถหาข้อมูลเพิ่มกันได้ เพื่อกระชับเวลาตอนขอยืนยันอีกรอบว่าการครอบครองที่ดิน การประกอบกิจการ การทำธุรกรรมใดๆ ของครอบครัว และกิจการในครอบครัวของตนเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ

สำหรับกรณีที่ทางสมาชิกฝ่ายการอภิปรายเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนต้องขอบคุณที่ได้มีการติดตามข้อมูลทั้งหมด ซึ่งตอนแรกตอนคิดว่าจะมีการอภิปรายเรื่องประกันสังคม โดยเรื่องการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้รัฐบาลได้ปฏิบัติการและทำไปไกลกว่านั้นเยอะแล้ว ซึ่งก็แก้ปัญหาได้ไกลมากพอสมควร แต่ก็ถือว่าดี ถือว่าเป็นประโยชน์ที่ได้มาช่วยสรุปข่าว โดยการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เราดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ก้าวสำคัญคือมีการประสานมือ ประสานงาน ประสานแรง ประสานกำลังต่างๆ กลับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นประเทศเมียนมาร์ จีน กัมพูชาที่มาช่วยกันในการจับ ปราบ ตัดไฟ และในเรื่องของข้อมูลตนได้มาตอบกระทู้สดแล้วด้วย แต่จะเล่าให้ฟังสั้นๆ อีกครั้งว่า ในเรื่องของการตัดน้ำมันและการตัดสัญญาณก็มีคำชมจากประเทศจีนทันทีที่ตนได้ไปเจอ ว่า ได้ตัดสินใจเด็ดขาดมาก และดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของเราคนไทยทุกคน

ทั้งนี้ทางฝ่ายจีนได้สนับสนุนข้อมูลและการข่าวต่างๆ ซึ่งในวันนี้ต้องพูดได้ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัดมาจากความร่วมมือจากทุกๆ ประเทศที่เราขอความร่วมมือ เธอเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และเมื่อเกิดวิกฤตที่คล้ายๆ กันในประเทศเพื่อนบ้านก็ให้ความร่วมมือกับเราอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการซีลชายแดนเป็นเรื่องที่เราต้องขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านจริงๆ มิฉะนั้นหากเราทำไปโดยประเทศเราเดี่ยวๆ ก็อาจเกิดความขัดแย้งภายในด้วย ถือเป็นสิ่งที่เราทำและได้ผลอย่างดีมากๆ โดยเราก็ทำงานกันเป็นทีมและหวังว่าฝ่ายค้านจะเข้าใจการทำงานแบบทีมเวิร์ค และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ด้านกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายประเสริฐ จันทรวงทอง ได้จัดตั้งศูนย์ AOC 1441 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการทำงานร่วมกัน เป็นการรับแจ้งเหตุจากประชาชนตลอด 24 ชม. จำนวน 100 คู่สาย และได้ระงับบัญชีมาไปแล้ว 1.92 ร้านบัญชี รวมทั้งมีระบบติดตามบัญชีที่มีธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ รวมถึงมีการเพิ่มมาตรการธนาคาร ยกระดับการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ให้มีการตรวจสอบประวัติมากยิ่งขึ้น เพื่อจะเป็นการป้องกันต่อไปในอนาคตเพื่อให้มีการเปิดบัญชีมายากยิ่งขึ้น โดยต้องมีการมาพิสูจน์ตัวตนหรือแสดงตัวตนและมีขั้นตอนอีกมากมายที่ทำให้การสร้างบัญชีมาใหม่ๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่งขึ้น

ส่วนกรณีซิมม้า ได้มีการกวาดล้างไปแล้ว 2.4 ล้านเลขหมาย และมีการระงับซิมต้องสงสัยที่มีการใช้งานแบบผิดปกติไม่ผ่านการยืนยันตัวตนอีก 2.8 ล้านเลขหมาย นอกจากนี้ได้มีการตรวจสอบผู้ใช้ mobile banking ที่ลงทะเบียนหลังจากวันที่ 1 ม.ค. 68 ที่มีอยู่ 3.176 ล้านเลขหมาย โดยหากไม่มีการมายืนยันตัวตนก็จะไม่สามารถใช้ mobile banking ได้ เชิญตั้งแต่มีมาตรการที่จริงจังไม่ว่าจะเป็นการตัดน้ำ ตัดไฟ และตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตหรือเสาสัญญาณ สถิติการแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทยลดลงไปถึง 20% โดยเฉพาะคดีคอลเซ็นเตอร์ ที่ลดลงถึง 67% และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนลดลงกว่า 50% จากวันละ 100 ล้านบาท เหลือ 50 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจรัฐบาลจะดำเนินการให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยมองว่า 50 ล้านบาทก็ยังเยอะอยู่ดี

อย่างไรก็ตามขณะนี้สิ่งที่กำลังทำและเร่งรัดอยู่และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปแล้ว คือ การร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารรณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา

สำหรับเรื่อง digital wallet ที่เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล และแน่นอนอย่างที่ทราบกันดีว่าเรือธงนี้กำลังเผชิญกับมรสุมการคัดค้านจากหลายองค์กร ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นต่างๆเหล่านี้เป็นประโยชน์ และสิ่งที่เป็นนโยบายใหม่ ที่เกิดขึ้นครั้งแรก จริงๆเราก็คุ้นชินกันอยู่แล้ว เพราะเราก็ริเริ่มอะไรใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ยาวนานขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายดีๆ ในอดีตที่นำกลับมาใช้ใหม่และเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่างเช่น ODOS ที่เป็นเรื่องของการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ของประเทศ

การเตรียมเด็กๆ เยาวชน และคนรุ่นใหม่เพื่อให้มีสกิลที่ดีพร้อม สำหรับอุตสาหกรรมใหม่ๆในอนาคต สำหรับการจ้างงานและอาชีพใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เรามีการลงทุนจากต่างประเทศมากมายที่เข้ามา ตัวเลข BOI ก็สูงสุดในรอบ 10 ปี สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญถึงจะเป็นนโยบายที่เคยมีมาแล้วแต่เราก็พยายามเพิ่มมิติใหม่ๆ เพิ่มโอกาสให้คนกลุ่มใหม่ๆ เพื่อไม่ให้เป็นคนกลุ่มเดียวหรือโอกาสกระจายไม่ทั่วถึงประชาชน ใช้สิทธิ์เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่เราเน้นย้ำว่าการเตรียมกลสู่โลกในอนาคตอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า เราจะได้มีคนที่พร้อม ส่วนคนในยุคปัจจุบันนั้นเราก็พยายามแลกเปลี่ยนวิชาความรู้ ถือเป็นทางลัดที่จะให้คนมีศักยภาพที่ดีเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้นโยบาย digital wallet พยายามประคับประคองเป็นอย่างดีเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเป้าหมายของเราคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฉะนั้นใน 2 รอบแรกเราจำเป็นต้องจ่ายด้วยเงินสด แม้จะถูกมองว่าไม่ตรงปกแต่ยืนยันว่าตรงเป้าแน่นอน สำหรับรอบที่ 3 ที่กำลังจะมาถึง จะเป็น digital wallet แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งมีการพัฒนาระบบและจะมีการทดลองใช้ให้ถูกต้องรัดกุมอย่างดี โดยเริ่มต้นจากเยาวชนอายุ 16-20 ปี ที่มีพลังในการบริโภคและมีความตื่นตัวตามเทคโนโลยี เรียนรู้รวดเร็ว ก็จะเป็นกำลังสำคัญในการเรียนรู้ระบบต่างๆ ให้พ่อแม่และหลายๆ คนในบ้าน โดยเป้าหมายระยะยาวของนโยบายนี้คือการยกระดับสังคมไทยให้เป็นสังคมดิจิทัล ซึ่งตนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าภายใน 1 วาระของรัฐบาลนี้จะเกิดผลเป็นรูปธรรม 'ปกก็ตรง เป้าก็โดน'

ในประเด็นสุดท้าย จะเป็นเรื่องของชั้น 14 ทราบว่าสมาชิกฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้กับตนเราก็มีความคิดเห็นที่ต่างกัน เพราะท่านก็เคยไปมีความเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรที่จังหวัดภูเก็ต แต่ตนก็เชื่อมั่นว่าท่านคงไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกจากตอนนั้นมาอภิปลายตนในตอนนี้ รายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้มีการพูดไปละเอียดหมดแล้ว

"ดิฉันอยากจะขอชี้แจงประเด็นในฐานะของลูกสาวคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่ที่คุณพ่อกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยจนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาล ชั้น 14 ดิฉันยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย ก็ไม่อยากให้ท่านอภิปรายให้เกิดความสับสนเหมือนกับว่าดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วและมีอำนาจในการสั่งข้าราชการหรือต่างใครๆ ใดๆ ดิฉันเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและตอนนั้นก็ไม่มีอำนาจใดๆ เลย และจริงๆ แล้วในเรื่องของความถูกต้องและกฎระเบียบถึงจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม ทุกคนที่มีหน้าที่รักษากฎระเบียบเขาก็ต้องทำแบบนั้นต่อ อย่างที่บอกว่าจริงๆ การจะอภิปรายอะไรแบบนี้ก็ต้องเห็นค่าของผู้ที่รักษากฎหมาย คนที่เป็นข้าราชการด้วย เพราะการพูดแบบนี้เหมือนเป็นการด้อยไปด้วยในตัว ซึ่งดิฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าลูกคนไหนก็ตามที่เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อ ที่ผ่านมาเป็นเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิด แล้วสถานการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาในรอบ 20 ปีกับประเทศเราเองทุกคนก็ทราบดีถึงความยากลำบาก ที่เราและประชาชนได้ประสบมาในเรื่องของความยุติธรรม ถ้าจะหาใครสักคนที่เผชิญเรื่องของความไม่อยุติธรรม ดิฉันมั่นใจว่า ดร.ทักษิณ คือหนึ่งในคนท้อปๆ ที่ได้รับความไม่อยุติธรรม ท่านถูกยึดอำนาจทางการเมือง นอกจากถูกยึดอำนาจทางการเมืองแล้วก็ยังถูกอายัดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ"

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในฐานะลูกตนห่วงใยแน่นอน ตนเป็นลูกสาวที่รักพ่อ เป็น daddy girl 100%  แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีตนไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซงในหน่วยงานใดเลย อย่าดูถูกข้าราชการไทย อย่าดูถูกระบบกระบวนการของราชการไทย ในยุคสมัยนี้แล้วทุกอย่างตรวจสอบได้ เพราะฉะนั้นตนไม่เคยแทรกแซงกระบวนการเหล่านี้เลย และตลอดการอภิปรายทางสมาชิกมีการเรียกร้องให้ตนลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกคนที่ในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้สามารถทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้คือขอให้ลาออกจากการเป็นลูกสาวหรือความเป็นแม่

 สิ่งนี้ตนลาออกไม่ได้ ตนพร้อมที่จะทำงานให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกจังหวัด เพราะตอนสวมหมวกของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และสุดความสามารถแน่นอน ในขณะเดียวกันในฐานะลูกสาวตนก็คือลูกสาวของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ตนพูดคำนี้ด้วยความภาคภูมิใจตั้งแต่ที่สามารถพูดได้ ก็ขอให้ทุกคนดูแลพิสูจน์ที่ความสามารถของตนและความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อภิปรายใดๆก็ขอให้วิจารณ์ในเรื่องการทำงานก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่าทำต่อสภาแห่งนี้และต่อประเทศของเรา