ไชยชนก ชิดชอบ ลุกอภิปราย ไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน แม้กระทั่ง พ.ร.บ. ของ "ภูมิใจไทย" ด้าน"รัชนก" ประท้วงพูดนอกญัตติสหรัฐฯขึ้นภาษี
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา นายไชยชนก ชิดชอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชี (สส.) พรรคภูมิใจไทย ได้เสนอญัตติด่วนเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแผนการรับมือจากภัยพิบัติธรรมชาติ และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และภัยความมั่นคงจากสถานการณ์โลก โดยเหตุผลจากข้อมูลที่ได้สะสมมา มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าเราจะได้ผลกระทบจากทั้ง 3 เรื่องในเวลาเดียวกัน
นายไชยชนก กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีจากใจจริง การที่เราได้มีโอกาสอภิปรายในเรื่องที่เป็นประโยชน์ และสำคัญต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวไทยในวันนี้ เครดิตต้องอยู่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีท่านเดียว ตนเองได้ฟังสิ่งที่ท่านให้สัมภาษณ์ประเด็นที่ท่านให้ความสำคัญ สำหรับตนเองนายกรัฐมนตรีได้โชว์วุฒิภาวะความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ท่านได้มองถึงความปลอดภัย และประโยชน์ของพี่น้องประชาชนชาวไทยก่อนผลประโยชน์ส่วนตัว ได้ตระหนักถึงข้อมูลที่ตนเองแม้จะเป็นนักการเมืองตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไปนำเสนอจากใจด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งมีทั้ง 3 เรื่องที่ได้แถลง เพราะฉะนั้นตนอยากฝากถึงนายกฯ ว่าตนเองให้คำสัญญาว่าจากนี้เป็นต้นไป ตนเองจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง สติปัญญาที่มี เพื่อสนับสนุนนายกฯ ด้วยความสุจริตใจ ตราบใดที่ท่านมองถึงประโยชน์ของพี่น้องชาวไทยมาก่อนอย่างนี้ต่อไป
“ผมขอประกาศในสภาทรงเกียรติแห่งนี้ ว่าผมนายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน และไม่ใช่แค่ พ.ร.บ. ฉบับนี้ แต่ทุก พ.ร.บ. หลังจากนี้ แม้กระทั่ง พ.ร.บ. ของพรรคภูมิใจไทยที่เราคิดขึ้นมา และนำเสนอเพื่อประโยชน์ของประเทศไทยบ้านเกิดเมืองนอน ผมก็จะไม่พิจารณา" นายไชยชนก กล่าว
นายไชยชนก กล่าวอีกว่า สำหรับตนเองที่ได้ศึกษามา มันมีเรื่องที่เร่งด่วนกว่าอย่างมหาศาล และทางพวกท่านสงสัยว่าทำไมเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่อยู่ จ.บุรีรัมย์ ที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งหลาย ตนเองที่ไม่เคยหิวแสง ที่ไม่เคยต้องการสัมภาษณ์ ที่ไม่เคยตอบโต้กับการโดนเข้าใจผิดโดยสังคม ทำไมต้องทำขนาดนี้ ตนเองอยากขอให้พวกท่านให้เวลาตนเองแล้วตั้งใจฟังข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รวบรวมสะสมมาเป็นใยต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน
นายไชยชนก กล่าวว่า เราทุกครั้งจำได้ดีถึงสภาวะโลกเดือด เราอภิปรายกันอย่างดุเดือด ปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติมากมาย เกิดขึ้นทั่วโลกแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเรา แต่เรากำลังทำเหมือนมันไม่เกิดขึ้น อีกทั้งยังยกปัญหาภายในประเทศทั้งปัญหาไฟป่า น้ำท่วม เหตุการณ์สึนามิ โดยมองว่าสถานการณ์เหล่านี้ควรที่จะประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน และให้นักวิชาการที่มีความรู้มาอธิบายเรื่องนี้ให้ประชาชนเข้าใจ โดยตอนนี้เรายังมีเวลา และทั้ง 3 เรื่องนี้ แยกออกจากกันไม่ได้ แม้ว่าเราจะพยายามทำสุดความสามารถแล้ว จากการประสานหลายหน่วยงาน และวางแผน ซึ่งก็ต้องบอกตรงๆ ว่ามันไม่พอ ครั้งนี้ต้องใช้การร่วมแรงร่วมใจ ต้องสามัคคีกันทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินไทย โดยมองว่าไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล แต่เราจำเป็นต้องตระหนักถึงปัญหานี้ เพราะตนเองเชื่อว่าทั่วโลกก็รับมือไม่ทันเหมือนกัน
“ผมอยากให้ทุกคนวางเกมการเมืองออก ผมอยากให้ทุกคนเริ่มนึกถึงตัวเอง แล้วมองขึ้นมาแล้วนึกถึงพี่น้องประชาชนชาวไทย เวลายังมีแม้จะน้อย แต่เวลาก็ยังมี” นายไชยชยก
นางสาวรักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงว่า ถ้าผู้ที่พูดอยู่เป็นสมาชิกจากพรรคประชาชน ท่านประธานจะปล่อยให้พูดมานานขนาดนี้ แล้วออกนอกญัตติไปนานขนาดนี้หรือไม่ ตนเองเข้าใจว่าได้เตือนไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่ในวันนี้เรากำลังอภิปรายญัตติเรื่องภาษี ไม่ใช่ญัตติเรื่องแผ่นดินไหวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จึงขอให้วินิจฉัยด้วย
ทำให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ในฐานะประธานในที่ประชุมขณะนั้น กล่าวว่า นายไชยชนกเสนอญัตติขอให้สภาสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแผนการรับมือจากภัยพิบัติธรรมชาติ และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกรวมทั้งภัยความมั่นคงจากสถานการณ์โลก ก็เป็นญัตติที่แตกต่างจากญัตติอื่นๆ พอสมควร และมีเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกก็ครอบคลุมในวงกว้าง ดังนั้น ก็เกือบจะรวมกันไม่ได้ เพราะประเด็นของอเมริกาส่วนมากจะอยู่ในนี้
นางสาวรัชนก จึงลุกขึ้นกล่าวต่อว่า ขอให้วินิจฉัยอีกครั้ง เพื่อชื่อเสียงของผู้อภิปราย และครอบครัวของเขาเอง จึงทำให้นายพิเชษฐ์ วินิจฉัยว่า ขอให้นายไชยชนกอภิปรายเข้าสู่ประเด็น
นายไชยชนก กล่าวต่อว่า “ขอบพระคุณทุกคนในเจตนาที่ดี แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ เพราะสิ่งที่ผมพูดเป็นไปด้วยความเจตนา และความจริงใจ และผมจะจบเรื่องนี้แล้ว และไปต่อเรื่องเศรษฐกิจ ท่านสมาชิกพอใจไหมครับ และผมจะอภิปรายต่อไป“
นายไชยชนก ระบุว่า วันนี้เป็นครั้งแรก ที่ตนเองเห็นสส. จากฝ่ายค้านรัฐบาลอภิปรายอย่างสามัคคีกัน แม้จะมีมุมมองที่ต่าง แต่ทุกท่านก็มองหาทางออกเพื่อประชาชนชาวไทยด้วยความรู้ที่มี เป็นสิ่งที่ตนเองไม่เคยเห็น และรู้สึกมีความหวังเป็นอย่างมาก
นายไชยชนก กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่มองเห็นว่าทุกท่านขาดไปคือสติ ทุกท่านมีเจตนาที่ดี แต่เราคือใคร ตนเองเห็นด้วยกับฝ่ายค้าน ที่นายกฯ ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปคุยกับทรัมป์ แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีศักยภาพ แต่จีนก็คุยกันทรัมป์ ไม่รู้เรื่อง เช่นเดียวกับยุโรปที่รวมตัวกัน ก็คุยไม่รู้เรื่อง แล้วเรา อย่าว่าแต่นายกฯ หรือพวกท่าน วันนี้เทวดามาคุยกับก็ไม่รู้ว่าจะคุยรู้เรื่องหรือเปล่า
นายไชยชนก ระบุว่า วันนี้เราต้องยอมรับสถานการณ์ความเป็นจริง พวกท่านมีความรู้ด้านเศรษฐกิจ เข้าใจอย่างลึกซึ้ง แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ทรัมป์ทำจากเมื่อวาน มาวันนี้ภาษีที่ทรัมป์ตั้งมากับจีนกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เรื่องนี้มีแต่จะดุเดือดขึ้น และแคนาดาก็ยังคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง แล้วเราเป็นใคร
นายไชยชนก ระบุว่า วันนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะต้องออกมาพูดในสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการจะได้ยิน แต่เป็นเวลาที่เราจะต้องออกมาพูดในสิ่งที่พี่น้องประชาชนจำเป็นจะต้องได้ยิน เวลานี้ไม่ใช่เวลาแห่งการพัฒนา ไม่ใช่เวลาแห่งการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเวลาที่เราไม่ควรจะก้าวไปข้างหน้า เป็นเวลาที่เราควรจะหยุด แล้วถอยมาหนึ่งก้าว และรักษาบุคลากร และทรัพยากรของประเทศไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้เราผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันให้ได้ และตนเองรับประกันว่า ประเทศที่ผ่านวิกฤตินี้ และลุกขึ้นได้เร็วที่สุดจะกลายเป็นมหาอำนาจถัดไป
ส่วนประเด็นสุดท้ายภัยความมั่นคง หากทุกท่านอ่านออกเกมของทรัมป์ไม่เคยเป็นเกมเศรษฐกิจ แต่เป้าหมายตั้งแต่แรกคือจีน เพราะถ้าไม่มีจีน ทรัพยากรทุกอย่างก็จะไม่มีใครต้านทรัมป์ได้ ดังนั้น เรื่องนี้จะดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน และเราไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง หากมีสงครามเกิดขึ้น แต่วันนี้อย่าปฏิเสธว่ามันกำลังเกิด ทางยุโรปประกาศตั้งนานแล้วว่าให้กักตุนอาหารเพื่อเตรียมตัวรับมือกับสงครามโลก จีน รัสเซีย สหรัฐฯ ฝึกยุทโธปกรณ์หมดแล้ว พร้อมประกาศที่จะรบกับอิหร่านแล้ว เพราะตรงนั้น เป็นพื้นที่ที่มีน้ำมัน และอีกหลายเหตุการณ์ จะเห็นว่ามันเริ่มขึ้นแล้ว และมีแต่จะแรงขึ้น ดังนั้น ทำไมเรื่องภัยธรรมชาติ จึงเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน
นายไชยชนก กล่าวอีกว่า ถ้าเกิดว่าพี่น้องประชาชน และหน่วยงานที่ต้องดูแลภัยพิบัติต่าง ๆ หน่วยงานหน่วยกู้ภัยเจอสถานการณ์วิกฤตจะเกิดความสิ้นหวัง ถ้าเกิดเขาเจอกับวิกฤตความมั่นคง จะเกิดความกลัว และหวาดระแวงทั้งคนไทยที่เป็นประชาชน และหน่วยงานราชการที่ต้องช่วยเหลือ ถ้าเราจะมาตั้งตัวตั้งหลักในการที่จะตั้งระบบตอนนั้น ท่านคิดว่าเราจะสามารถทำมันอย่างมีประสิทธิภาพได้หรือไม่ ดังนั้น ตนเองขอร้องให้เริ่มกันตั้งแต่วันนี้ ตนเองทำคนเดียวไม่ไหว
“เราแต่ละคนก็มีหน้าที่ที่แตกต่างกัน อยากบอกทุกคนว่าทุกท่านก็มีหน้าที่รับผิดชอบ และภารกิจที่สำคัญในการที่จะทำให้เราก้าวข้ามเรื่องนี้ไปได้ในแบบของตัวเอง และท้ายที่สุดอยากให้ทุก ๆ คนกลับไปดูข้อมูลที่ผมนำเสนอในวันนี้ และพิจารณาดูว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อช่วยเหลือประเทศไทยของเรา“ นายไชยชนก กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายไชยชนก อภิปรายเสร็จ ได้มีเพื่อน สส. จากพรรคภูมิใจไทย เข้าไปกอด และให้กำลังใจ เช่นเดียวกับ นางสาวรักชนก ที่เดินเข้าไปพูดคุยด้วย