"วันนอร์"เลี่ยงให้ความเห็น พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ บอกต้องวางตัวเป็นกลาง ชี้เสถียรภาพรัฐบาลขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ระบุ เช็กคำร้อง "ปชน." ขอส่งศาลฎีกาสอบจริยธรรม ประธาน ป.ป.ช.อยู่ ย้ำต้องให้ความเป็นธรรม
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เผย เสถียรภาพของรัฐบาลจากการเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งก็มีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่เห็นด้วยว่า รัฐบาลมีเสียงกว่า 300 เสียง เพียงพอต่อการลงมติ แต่ก็จะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่า มีเรื่องใดที่มีความขัดแย้ง ทุกพรรคการเมือง และ ส.ส.ก็ต้องฟังเสียงประชาชน รวมถึงไม่สามารถบอกได้ว่า มั่นคงตลอดไป เพราะถือเป็นเรื่องการเมืองต้องมีทั้งบนดิน ใต้ดิน และบนฟ้า ซึ่งก็จะมั่นคงได้ในระดับหนึ่ง แต่จะบอกว่า ตลอดไปไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีปัญหาลักษณะนี้มาโดยตลอด และเป็นเรื่องปกติ แต่การตัดสินใจสุดท้าย จะอยู่ที่ประชาชนที่จะตัดสินในการเลือกตั้งต่อไป
ส่วนกรณีที่มีผู้ประเมินร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร อาจซ้ำรอยร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ปัจจุบันในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็มีร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่รอการพิจารณาอยู่ ซึ่งมีหลายฉบับทั้งจากคณะรัฐมนตรี สส.และพรรคการเมือง 3-4 ฉบับ หากทุกฝ่ายพูดคัยกันได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี และเชื่อว่า ไม่น่าจะไม่ความขัดแย้ง เพราะทุกคนมุ่งหมายสร้างความปรองดองในประเทศ แต่จะนินโทษกรรมในระดับใด และกับใครบ้าง ยังจะต้องพูดคุยกัน
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เนื่องจาก ประธานสภาฯ ต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่สามารถชี้แนะไปในทางใดทางหนึ่งได้
นายวันมูหะมัดนอร์ เผย ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ ส.ส.พรรคประชาชนเข้าชื่อกัน เพื่อขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องไปยังศาลฎีกา เพื่อตรวจสอบจรอยธรรมของประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบผรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ประธาน ป.ป.ช.กรณีพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พามาเข้าพบตนเอง ที่บ้านพักส่วนตัว ว่า ขั้นตอนปัจจุบัน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราศฎร กำลังตรวจสอบควมมสมบูรษ์ของรายชื่อ และสาระ เมื่อสำนักงานฯ เสนอให้ตนพิจารณาแล้ว ก็อาจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการทั้งฝ่ายกฎหมาย และฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบรายละเอียด เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234-236 และจะได้พิจารณาความเห็นทุกฝ่าย เชื่อว่า อาจจะต้องใช้เวลาในการพิจารณา แต่ไม่มากนัก
ส่วนกรณีการตรวจสอบประธาน ป.ป.ช.ที่หากมีความผิด จะกระทบต่อตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยหรือไม่นั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่า การพิจารณาทุกด้านว่า จะเกี่ยวข้องกับตนเองหรือไม่ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับตนหรือไม่เกี่ยส แต่ก็จะต้องพิจารณาให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และผู้ที่จะชี้ขาดทั้งหมดก็คือ ศาลฎีกา