ชพก.วอน อย่าเลือก ส.ส.โดดร่ม มาเป็นกาฝากในสภา

ชพก.วอน อย่าเลือก ส.ส.โดดร่ม มาเป็นกาฝากในสภา
ชาติพัฒนากล้า วอนประชาชน อย่าเลือก ส.ส.โดดร่ม มาเป็นกาฝากในสภา ชี้ประเทศไทยต้องการรัฐบาลที่มีประสบการณ์ธุรกิจ รู้ปัญหาประชาชน รู้เท่าทันโลกมาบริหารประเทศ เชื่อคนไทยหายจนภายใน 10 ปี

 นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นเวทีดีเบต “Thailand future talk อนาคตที่เราเลือกได้”  จัดโดยคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) โดยมีคำถามจากประชาชนว่า เหตุสภาล่มบ่อยครั้งเป็นการสิ้นเปลืองภาษีที่ถูกใช้ไปจ่ายเงินเดือน ส.ส. ส.ว.พรรคชาติพัฒนากล้าจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร ซึ่งนายวรวุฒิ กล่าวว่า ในสมัยประชุมสภาที่ผ่านมา มีสภาล่มมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ สิ่งหนึ่งที่คิดอยู่ในใจเสมอว่าที่ ส.ส.ยังคงโดดร่มกันได้บ่อยโดยไม่รู้สึกละอาย เพราะไม่มีบทลงโทษ ดังนั้นประชาชนสามารถเช็คได้ว่าเป็นใครบ้าง แล้ววันเลือกตั้งก็ไม่ต้องเลือกเขาเข้าสภา ซึ่งความจริงแล้วการลงโทษในระบบของรัฐสภา ควรต้องมีการตัดเงินเดือน ตัดสิทธิทางการเมือ เพราะเขาไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ควรได้รับสิทธิในการบริหารจัดการประเทศ เรื่องแบบนี้เราต้องให้ชัดเจน อย่าเอากาฝากสภาเข้ามาทำงาน

นายวรวุฒิ กล่าวว่า สภาเป็นแหล่งรวมของสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ถ้าเขาทำตัวไม่ทรงเกียรติ เราก็ไม่ควรให้เกียรติเขา  และในการออกกฎหมายแต่ละฉบับ ต้องอาศัยวิจารณญาณของสภา เพื่อให้กฎหมายดี ๆ มีผลบังคับใช้ แต่กฎหมายหลายฉบับ ที่เสนอเข้าไปพิจารณา เช่น  พ.ร.บ.อากาศสะอาด พ.ร.บ.สุราชุมชน ก็ไม่ผ่าน ทั้งที่เป็นประโยชน์ ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร และเป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตประชาชน เรื่องแบบนี้เราปล่อยให้ ส.ส.ที่ไม่ทำหน้าที่เข้าไปทำงานทำไม เวทีสภาไม่ควรที่ใครจะใช้เล่นเกมการเมือง นี่คือเหตุผลว่าเราที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่ ๆ ต้องเข้ามาช่วยกัน ทำให้การเมืองเป็นเรื่องที่เห็นต่างได้ แต่ต้องพร้อมที่จะทำงานแก้ปัญหาประเทศชาติร่วมกัน ดังนั้น คุณภาพ ส.ส.จำเป็นมาก ว่าต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ เป็นคนที่เข้าใจกติกาการทำงานของระบบรัฐสภา ไม่อย่างนั้นเราก็จะเจอปัญหานี้ตลอดไป

ส่วนในประเด็นคำถามที่ว่า ในอีก 10 ปี ข้างหน้าท่านคิดว่าอะไรคือ S curve ของประเทศไทยที่ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ เพื่อให้เรามีที่ยืนในเวทีโลก รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ประเทศไทยเรามีปัญหามากในเรื่องของการสร้างสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ยกตัวอย่างสินค้าเกษตร เราขายเป็นผลไม้สด เราไม่ได้ขายเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป เราขายข้าวเป็นข้าวเปลือกตันนึง 20,000 บาท แต่ถ้าแปรรูปเป็นคอนเฟล็กซ์ 200 กรัม ขายได้ 200 บาท มูลค่าเพิ่มมันสูงกว่ากันเป็นร้อยเท่า และการจะแข่งขันกับชาวโลกได้เราต้องใช้เทคโนโลยีด้านการผลิต ด้านการดีไซน์ และมีโมเดลบิสิเนสใหม่ ๆ  การค้าขายออนไลน์เป็นคำตอบของประเทศไทย  อีคอมเมิร์สจะทำให้ประเทศไทยบุกตลาดโลกและสามารถแข่งขันได้ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา 10 กว่าปี ไม่มีรัฐบาลไหนที่เข้าใจ ทั้งที่เราก็พยายามบอกมาตลอดว่ามันจะกลายเป็นการค้าหลักของโลก 

รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนกล้า กล่าวว่า วันนี้เราสูญเสียเอกราชทางการค้าออนไลน์ไปให้กับต่างชาติเรียบร้อยแล้ว ไม่มีผู้ประกอบการไทยในแพลตฟอร์มหลัก เราใช้แพลตฟอร์มต่างชาติทั้งสิ้น  เรื่องเหล่านี้คือสิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศไทย ขาดผู้บริหาร ขาดรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ดีพอที่จะก้าวหน้าพอที่แข่งขันกับนานาชาติได้ จริงๆ ตนเป็นคนทำอีคอมเมิร์สเป็นรายแรก ๆ ของประเทศไทย และทำพร้อม ๆ กับ แจ๊กหม่า แนวความคิดไม่ได้ต่างกัน เราเข้าใจบริบทแนวโน้มของโลก เพียงแต่ว่าแจ๊คมาเขาโชคดีที่มีรัฐบาลจีนสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน วางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ จีนเป็นตัวอย่างที่ดีที่ใช้ ออนไลน์แก้ปัญหาความยากจน เพราะเอสเอ็มอี โอท็อป จีนขายของไปได้ทั่วประเทศ และทั่วโลก ด้วยแพตลฟอร์มออนไลน์ เขาบายพาส ระบบค้าปลีกได้เลย โดยไม่ต้องสร้างห้างค้าปลีกที่อาจต้องลงทุนสร้างเป็นพันเป็นหมื่นแห่งใช้งบประมาณมหาศาลประเทศไทยถ้าทำแบบนี้ได้ 10 ปีข้างหน้าเกษตรไม่จนแน่นอน 

“บ้านเรามีผลไม้ไทยที่สามารถทำเป็นสุราผลไม้ แล้วขายส่งออกไปทั่ว่โลก เราจะมีสุราที่รสชาติอร่อยที่สุดในโลก สามารถแข่งกับสกอตวิสกี้ สาเกญี่ปุ่น โซจูเกาหลีได้สบาย เพราะผลไม้ไทยเหมาะที่จะเป็นนสุราชั้นดีของโลก วัตถุดิบ แบบนี้ประเทศอื่นไม่มี แต่เราใช้กฎระเบียบรัฐที่ปิดกั้นโอกาสของตัวเล็ก อีก 10 ปีข้างหน้าถ้าจะให้ประเทศไทยดีกว่านี้ เราต้องมีรัฐบาลที่เก่ง ทำงานเป็น มีประสบการณ์ทำธุรกิจจริง เห็นปัญหาจริง รู้เท่าทันเศรษฐกิจโลก เข้ามาบริหาร ถ้าเลือกชาติพัฒนากล้าเบอร์ 14 ประเทศไทยมีความหวังแน่นอน”นายวรวุฒิ กล่าว  

นายวรวุฒิ กล่าวถึงปัญหาการท่องเที่ยวไทยว่า สิ่งที่ยังเป็นปัญหาคือ สวัสดิภาพความปลอดภัย การเอาเปรียบนักท่องเที่ยวยังมีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญซึ่งเป็นความร่วมมือของนักธุรกิจจีนกับข้าราชการไทยที่รับสินบน ซึ่งความจริงแล้วรัฐบาลจีนไม่ได้สนับสนุนให้ทำ ดังนั้นเขาก็ต้องการให้ไทยปราบปรามถ้าทำได้นักท่องเที่ยวก็จะมีคุณภาพและรายได้เข้าประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย  

ส่วนในประเด็นการพัฒนาการศึกษา นายวรวุฒิ กล่าวว่า ถ้าพรรคชาติพัฒนากล้าเป็นรัฐบาล สิ่งแรกที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ ปฏิรูปการศึกษา อนาคตของประเทศจะไปได้ไกลแค่ไหน เศรษฐกิจจะดีแค่ไหน รัฐจะมีเงินมาทำรัฐสวัสดิการได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของคนในประเทศที่มาจากคุณภาพการศึกษา แต่ระบบการศึกษาในปัจจุบันไม่ตอบโจทย์กับการทำงาน เพราะหลักสูตรที่เรียนอยู่ล้าสมัย สิ่งที่สถาบันการศึกษาจะต้องปรับตัวคือ ต้องทำตัวเป็นตลาดวิชาการ และอาจต้องปรับการศึกษาไทยเป็นหลักสูตรปริญญาตรีเฉพาะวิชาชีพ เช่น อาจมีหลักสูตรปริญญาตรีร้านกาแฟ ที่ต้องมีหลักสูตรกฎหมายพาณิชย์ หลักสูตรการทำธุรกิจ หลักสูตรการชงกาแฟ ซึ่งเมื่อรวมหน่วยกิตทั้งหมดก็จะกลายเป็นปริญญาตรีด้านร้านกาแฟ ถ้าเป็นแบบนี้ การศึกษามันถึงจะก้าวหน้าและตอบโจทย์โลกอนาคต 

“สถาบันการศึกษาต้องทำตัวเป็น มาร์เก็ตเพลสทางการศึกษา  ต้องมีมีสล็อตการศึกษาในหลักสูตรเลือกแบบบุฟเฟต์ ซึ่งเวลานี้มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐเป็นแบบนี้แล้ว เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยยังมีปัญหาคือ ต้องหาหลักสูตรที่มีประโยชน์ ที่คนอยากเรียนและสามารถต่อยอดเป็นอาชีพได้ ซึ่งนโยบายาแบบนี้เราต้องการรัฐบาลที่มีคณะรัฐมนตรี ที่มีหัวคิดก้าวหน้าและเข้าใจแพลตฟอร์ม E- Learning  เพราะการที่จะเป็นมาร์เก็ตเพลสได้ เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ วันนี้พฤติกรรมนักเรียนไทยพร้อมแล้วจะเรียนผ่านอีเลิร์นนิ่ง ถ้าทำได้การศึกษาไทยจะทันโลกการแน่นอน”นายวรวุฒิ กล่าว 

รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่เน้นประชานิยม แต่เน้นสร้างโอกาสนิยม ไม่ต้องใช้เงินงบประมาณมาก เพียงแต่ต้องแก้ปัญหาปัญหาที่โครงสร้าง ทั้งโครงสร้างพลังงาน โครงสร้างระบบสินเชื่อ โครงสร้างภาษี และโครงสร้างระบบราชการ เรามีหัวหน้าพรรคที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เป็นอดีตรัฐมนตรีคลังโลกที่ได้รับการยอมรับ สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่จีดีพีติดลบให้ฟื้นขึ้นมาเป็น 7% ได้ภายใน 1 ปี พวกเราพร้อมแล้วที่จะเข้าไปทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน วันที่ 14 พฤษภาคม ให้โอกาสเราเลือกพรรคชาติพัฒนากล้า เบอร์ 14

TAGS: #เลือกตั้ง2566 #เลือกตั้ง66 #ชาติพัฒนากล้า #การศึกษา