ตัวแทน 8 พรรค ดีเบตรอบ3 "หากพรรคได้มาเป็นรัฐบาล ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร" ให้คำมั่น ประเทศไทยเปลี่ยนแน่ หากได้เป็นรัฐบาล
เวทีดีเบต THAILAND NEXT MOVE : ก้าวต่อไป THAILAND รอบ3 ในหัวข้อ หากพรรคได้มาเป็นรัฐบาล ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร
นายอุตตม สาวนายน จากพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคจะทำ 2 เรื่องใหญ่ เรื่องแรกการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ให้คนไทยเติบโตด้านอาชีพและคุณภาพชีวิตอย่างครอบคลุมทั่วถึงยั่งยืน ต้องมีนโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจทันที ต้องมีชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องวางรากฐานประเทศไทยให้ยั่งยืน
นายโภคิน พลกุล พรรคไทยสร้างไทย ระบุ 2 เรื่องใหญ่ที่พรรคต้องดำเนินการแก้ไขให้ได้ เรื่องแรกคือความคิดและวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยม เรื่องที่สองคือระบบราชการที่ตอบรับอำนาจนิยม ดังนั้นต้องแก้ 2 เรื่องนี้ให้ได้ พรรคจึงบอกว่าต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน อยากให้ทุกพรรคมาร่วมกันทำสิ่งนี้หลังเลือกตั้ง เพราะหากยังปล่อยให้ใช้รัฐธรรมนูญนี้ต่อไป อย่าไปหวังอย่างอื่น
นอกจากนี้ ต้องปลดปล่อยให้ประชาชนมีพลังไปทำมาหากิน ต้องให้เขาไม่มีความเครียดตั้งแต่แรกเกิดจนสูงวัย จะทำให้เขาต่อยอดได้ สิ่งสำคัญการพัฒนาประเทศไทยต้องมีทิศทาง พรรคมองว่า ไทยเก่งเรื่องอาหาร สุขภาพ การท่องเที่ยว และต้องใช้ที่ตั้งของประเทศเชื่อมต่อโลก จีดีพีของไทยจะไม่อยู่ที่ 3% จะกลายเป็น 5%
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคมีนโยบายชัดเจนว่าใน 100 วันแรกที่เป็นรัฐบาลจะมีการจัดทำให้มีประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับประชาชน จะทำหวยใบเสร็จเพื่อทำแต้มต่อให้กับเอสเอ็มอี ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที วันละ 450 บาท และแก้กฎหมายให้เพิ่มขึ้นทุกปีแบบอัตโนมัติ จะปลดล็อกสุราก้าวหน้า ปลดล็อกกฎหมายสมรสเท่าเทียม
ดังนั้นภายใน 4 ปี สิ่งที่จะเปลี่ยนไปสำหรับประเทศไทย คือ เปลี่ยนจากรัฐทหารจำแลงเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ เปลี่ยนจากรัฐปกปิดเป็นรัฐโดยระบบคนดีกลายเป็นรัฐโปร่งใสด้วยระบบตรวจสอบโปร่งใส เปลี่ยนเศรษฐกิจที่โตก่อนค่อยแบ่งเป็นเศรษฐกิจที่แบ่งให้ได้แล้วโตไปพร้อมๆ กัน เปลี่ยนค่าแรงที่ขึ้นตามผู้มีอำนาจ เป็นค่าแรงที่ขึ้นตามค่าครองชีพ เปลี่ยนที่ดินของขุนศึกศักดินาเป็นที่ดินของประชาชน เปลี่ยนตำรวจของนายให้เป็นตำรวจของประชาชน เปลี่ยนนายพลมือรัฐประหารเป็นกองทัพมืออาชีพ เปลี่ยนการที่เราป่วยก่อนแก่เป็นให้การรับการดูแลก่อนป่วย และเด็กจากที่เรียนน้อยได้มาก เป็นเรียนเน้นได้มาก
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเป็นการรวมคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์ เลือกเพื่อไทยชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท เงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาท เศรษฐกิจจะโตปีละ 5%
นายพิสิฐ ลี้อาธรรม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเปลี่ยน เราอยู่ที่เป็นมาแบบนี้ไม่ได้ เศรษฐกิจขยายตัวแค่ปีละ 1-2% ประเทศอื่นจะแซงหน้าเรา เราต้องอยู่แบบหาเช้ากินค่ำ เราต้องเปลี่ยนให้เศรษฐกิจไทยโตอย่างน้อยปีละ 5-6% ขึ้นไปตามศักยภาพที่มีอยู่ จะต้องทำ 3 ประการ ปลดล็อกกฎหมาย ปลดล็อกเงิน กบข. ปลดล็อกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ ปลดล็อกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นอกจากนี้ต้องใส่เงินเศรษฐกิจผ่านกองทุนเอสเอ็มอี ตั้งธนาคารหมู่บ้านมีเงินใช้ ทั้งหมดไม่ใช้เงินงบประมาณ ไม่ก่อหนี้สาธารณะ
นายจุติ ไกรฤกษ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า อย่าปล่อยให้เขาหลอกวันนี้ประเทศไทยเปลี่ยนไปแล้ว มีเป๋าตังค์ 55 ล้านบัญชี คนที่เป็นหนี้ได้ปรับลดหนี้ไปแล้ว 27 ล้านบัญชี คนไม่มีเงินได้เงินไปแล้ว 3 ล้านคน ประเทศไทยอยู่ปากเหว อย่าเอาประเทศไทยไปเสี่ยง เอาประเทศไปเป็นเดิมพัน พรรคพูดเรื่องจริงทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ เลือกลุงตู่ได้ความซื่อสัตย์สุจริต ได้ประสบการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ลดค่าครองชีพ ปรับหนี้ สร้างงานให้คนไทย
นายวรวุฒิ อุ่นใจ พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคเป็นพรรคที่สร้างโอกาสนิยม เราไม่ใช้ประชานิยม เราคิดว่าปัญหาไม่ได้แก้ปัญหาได้โดยการแจกเงิน ประเทศที่ใช้ประชานิยมแก้ปัญหาจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ การขึ้นค่าแรงการแจกเงินจะทำให้เกิดปัญหา พรรคเชื่อเรื่องการสร้างโอกาสจึงปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ 4 เรื่อง ได้แก่ พลังงาน การเข้าถึงเงินทุน ภาษี และระบบราชการ
นายศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจไทย เผย พรรคจะเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสให้ประชาชน วันนี้คนไทย 11 ล้านคน มีหนี้สิน คนไทยอีก 8 ล้านคน มีรายได้อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน ต้องดูแลคนกลุ่มนี้ พรรคจะพักหนี้ทั้งต้นทั้งดอกวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี ให้กู้วงเงินฉุกเฉิน 5 หมื่นบาท ภายใน 1 ปี ทำประกันชีวิตให้คนสูงวัยเสียชีวิตได้ 1 แสนบาท ยังไม่ตายนำไปค้ำประกันเงินกู้ได้ 2 หมื่นบาท