เลขาธิการ กกต.แจงพร้อมสอบปมพรรครทสช.ยิงแสงเลเซอร์ ขึ้นสะพานพระราม 8 หากมีคนร้อง "ก้าวไกล"เรียกร้องให้กกต.เปิดข้อมูลผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นรายเขต
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยิงแสงเลเซอร์หาเสียงบริเวณเสาหลักกลางสะพานพระราม 8 ว่า ทุกการหาเสียงนั้นป้ายติดอยู่ในพื้นที่ของรัฐทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นตามถนน เสาไฟฟ้า สามารถทำได้แต่ต้องขออนุญาต
สำหรับกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อดูแล้วเป็นการหาเสียงกึ่งอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการหาเสียงลักษณะดังกล่าว กกต.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังทุกพรรคการเมืองแล้วว่า ไม่อยู่ภายในการบังคับเลือกตั้ง แต่ขอให้เจ้าของสถานที่เป็นผู้อนุญาต ซึ่งเรื่องนี้ที่ทาง กทม.ได้ตรวจสอบแล้ว เมื่อมีคนร้องให้วินิจฉัย ก็ต้องวินิจฉัย แต่จะให้ตนเองวินิจฉัยตอนนี้คงยังไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบข้อเท็จจริง มีแต่เพียงการฟังมาว่าอะไรเป็นอะไรเท่านั้น
ทั้งนี้เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลเรียกร้องให้กกต. เปิดเผยข้อมูลผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า จำแนกเป็นรายเขต เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ สามารถตรวจสอบย้อนกลับ ได้ รวมถึงให้จัดทำข้อมูลหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศเป็นไฟล์ Excel นั้น นายแสวง กล่าวว่า ขอรับไว้พิจารณา
ด้าน นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นคำร้องต่อประธานกกต.ขอให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมว่า ประเด็นที่ 1.เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ขณะที่แต่ละจังหวัดได้แถลงข้อมูลว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนเท่าไหร่ เดินทางมาใช้สิทธิจริงเป็นจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งบางเขตมีผู้มาใช้สิทธิตั้งแต่ 90% จนถึง 100% แต่ในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา มีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีผู้เดินทางมาใช้สิทธิเป็นจำนวนเกิน 100% ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะออกมาแก้ไขจำนวนผู้มาใช้สิทธิ ที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตามส่วนตัวยอมรับได้ ซึ่งปัญหาหลังการเลือกตั้งล่วงหน้านั้นตนก็ยังไม่รู้ว่ามีผู้เข้ามาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งในและนอกเขตเป็นจำนวนเท่าไหร่ โดยตนอยากให้กกต.แจ้งรายละเอียดเป็นรายเขต ทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง และมีผู้มาใช้สิทธิจริงเป็นจำนวนเท่าไหร่
อีกทั้งกรณีซองไปรษณีย์สำหรับใส่บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าก็อยากทราบเหมือนกันว่าเมื่อแยกเป็นเขตแล้วมีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งกรณีความผิดพลาดในกสรกรอกข้อมูลต่างๆลงบนซองไปรษณีย์นั้นถูกต้องหรือไม่ ซึ่งปัญหาดังกล่าวกกต.ได้ออกมาชี้แจงแล้ว แต่ถ้าไม่ได้จัดทำรายละเอียดตามที่ตนระบุ จะไม่ทราบว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ และมาใช้สิทธิเป็นจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงการส่งไปรษณีย์กลับไปนับคะแนนเป็นจำนวนเท่าไหร่ บัตรจะตรงกับผู้ใช้สิทธิหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันเล็กน้อยก็อาจจะเกิดความผิดพลาดที่ไม่มาก แต่ถ้าไม่ตรงกันเป็นจำนวนมากก็จะมีข้อสงสัยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกกต. น่าจะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อทุกพรรคการเมือง
ประเด็นที่ 2 ถ้าดูตามระเบียบของกกต.จะต้องประกาศเรื่องการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในนอกเขต และจะต้องประกาศว่าจะมีการนับคะแนนที่ใดไม่น้อยกว่า 10 วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. แม้ว่าทางการเมืองจะทราบแล้วว่ากกต.ได้มีการประกาศจำนวนผู้เดินทางมาใช้สิทธิแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้ประกาศลงในเว็บไซต์ และยังตรวจพบว่าการประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในบางจังหวัดซึ่งไม่ทั่วถึง ซึ่งจะทำให้ทั้งตัวแทนพรรคการเมือง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ภาคประชาชน และผู้สังเกตการณ์จะไม่ทราบเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องของการนับบัตรทั้งในและนอกเขตรวมถึงนอกราชอาณาจักร ซึ่งจะทำให้ผู้สังเกตการณ์ไม่สามารถรู้ถึงสถานที่นับคะแนน
ประเด็นที่ 3 ทราบว่าทั้งประเทศมีหน่วยเลือกตั้งเกือบแสนหน่วยตามที่กกต.ได้ประกาศ แต่ไม่มีรายละเอียดที่ลงไว้ในเว็บไซต์ทั้งในส่วนกลางและอีกต่างจังหวัดที่ไม่ได้ลงข้อมูลดังกล่าว ทำให้ประชาชนไม่ทราบว่าหน่วยเลือกตั้งของตนเองอยู่ที่ไหน
โดยทั้ง 3 ประเด็นตนขอให้สำนักงานกกต.ได้จัดทำข้อมูลดังกล่าวเป็นรูปแบบของไมโครซอฟ เอ็กเซล เพื่อชี้จุดว่าเลือกตั้งอยู่ที่ไหน รวมถึงหน่วยเลือกตั้งกว่าแสนหน่วยนั้นอยู่ที่ใดบ้าง โดยขอให้กกต.ส่วนกลาง ได้แจ้งพื้นที่ เพื่อประกาศข้อมูลลงไปในเว็บไซต์ทุกจังหวัด เพื่อให้ประชาชนทราบต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่ากรณีความผิดพลาดในการเลือกตั้งล่วงหน้าที่เกิดขึ้นมีทั้งภาคประชาชน และการเมือง บางส่วนออกมาเรียกร้องว่าให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะเพื่อความโปร่งใส นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าจะเป็นโมฆะหรือไม่ต้องดูข้อเท็จจริงในหลายปัจจัย ทั้งนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเกี่ยวกับการร้องเรียนในขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตามความผิดพลาดที่พบ เป็นเพียงความผิดพลาดส่วนบุคคล ส่วนตัวมองว่ากรรมการประจำหน่วยอาจจะเกิดความไม่เข้าใจแม้จะมีการอบรม เมื่อกกต.ทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว ก็จะควรเร่งทำความเข้าใจ โดยส่วนตัวมาว่าเร็วไปถ้าทำให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะ ซึ่งกกต.มีเวลาแก้ไขก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ให้การเลือกตั้งครั้งนี้เดินหน้าไปดีกว่า
สำหับรายละเอียดเรื่องที่จะฟ้องร้องกกตหรือไม่นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล ซึ่งเบื้องต้นพบเพียงว่าเป็นปัญหาในทางปฏิบัติ ใช่ปัญหาความตั้งใจของกกต.หรือระเบียบข้อกฎหมายที่จะส่อไปได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีใครที่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนั้นเป็นไปหรือไม่ ยอมรับว่าพรรคก้าวไกลเป็นผู้ที่เสียหาย และเสียผลประโยชน์ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะต้องรวบรวมข้อมูลความเสียหายที่เกิดขึ้นว่าจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลหรือไม่
ทั้งนี้หากมีข้อมูลหรือมีหลักฐานที่ส่อว่าเป็นไปตามนั้นก็จะต้องมีผู้รับผิดชอบ ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ แต่ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับนโยบาย คือ กกต. ส่วนตัวย้ำว่า กกต.ชุดนี้มีประสบการณ์ในการจัดการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แล้ว ซึ่งผ่านมาแล้ว 4 ปี ถ้าหากทำให้เกิดผลกระทบต่อการเลือกตั้ง กกต.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ