"คณะกรรมการนิสิตนิติศาสตร์ จุฬาฯ" ออกแถลงการณ์ เรียกร้อง ส.ว.-พรรคการเมือง ยอมรับมติประชาชน
วันที่ 16 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการนิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ เรื่อง เรียกร้องให้วุฒิสมาชิก 250 คน และทุกพรรคการเมืองยอมรับมติของประชาชนในการเลือกตั้ง
ตามที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ปรากฏว่าพรรคซึ่งได้รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นอันดับที่ 1 คือ พรรคก้าวไกล จำนวน 152 ที่นั่ง และในวันต่อมา ก็ปรากฏว่าพรรคก้าวไกลสามารถรวมเสียงพรรคการเมืองซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่กลับมีการรายงานข่าวว่าวุฒิสมาชิกบางรายอาจไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียงในการลงมติของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นั้น
ในระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งเป็นการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยโดยประชาชนโดยการไปเลือกตั้งผู้แทนของตน เนื่องจากระบอบประชาธิปไตยนั้นถือกันว่าประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เจตจำนงของประชาชนซึ่งแสดงออกมาจึงเป็นเสมือนเสียงแห่งสวรรค์ที่ทุกฝ่ายควรเคารพ ดังสุภาษิตละตินที่ว่า “Vox populi, vox Dei” (The voice of the people is the voice of God) อีกทั้งตามธรรมเนียมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยนั้น มีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่ประการหนึ่งว่า พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งนั้น สมควรเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และมีสิทธิในการรวบรวมเสียงสนับสนุนเป็นพรรคแรก
โดยถือเป็นพรรคซึ่งได้รับฉันทานุมัติของประชาชนในการเป็นรัฐบาลดังนั้น หากมีการดำเนินการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนเป็นประการอื่น เช่น การดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยที่พรรคการเมืองบางพรรคจะไปรวมกับวุฒิสมาชิกในการลงมติของรัฐสภาเพื่อให้ได้จัดตั้งรัฐบาล หรือการที่วุฒิสมาชิกจะลงมติไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียงเพื่อขัดขวางการตั้งรัฐบาล โดยอ้างว่า “ถูกต้องชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ” นั้น การกระทำดังกล่าว ย่อมเป็นการกระทำที่ไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้ในระบอบประชาธิปไตย และอาจนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองและความขัดแย้งรุนแรงในสังคมได้
คณะกรรมการนิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงขอเรียกร้องไปยังวุฒิสมาชิก 250 คน และพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งทุกพรรค ให้มีมารยาททางประชาธิปไตย ยอมรับมติของประชาชนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา และเรียกร้องให้ประกาศต่อสาธารณชนโดยเร็วว่า จะลงมติให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างความชัดเจนต่อประชาชน และเพื่อให้พรรคการเมืองที่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนได้จัดตั้งรัฐบาลและได้บริหารประเทศต่อไป การดำเนินการดังกล่าว นอกจากจะมีความสง่างามในทางประชาธิปไตยแล้ว ยังจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศได้เดินหน้าต่อไปในเส้นทางที่เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกอีกด้วย