ที่ประชุมวุฒิสภา คว่ำ "สถาพร" ไม่ได้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. คุณสมบัติไม่ถึง "อธิบดีผู้พิพากษา"
การประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ นายสถาพร วิสาพรหม รองประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ เป็นบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
หลังจากคณะกรรมาธิการสามัญ (กมธ.) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ที่มี พล.อ.อู้ด เบื้องบน ส.ว. เป็นประธาน กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ โดยเป็นการพิจารณาและลงมติแบบลับ
หลังการลงคะแนนและนับคะแนนเสร็จสิ้น พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ประกาศผลการลงคะแนน ผลปรากฏว่า ที่ประชุมวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ 41 คะแนน ไม่ให้ความเห็นชอบ 138 คะแนน ไม่ออกเสียง 27 คะแนน
จึงถือว่านายสถาพรไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา เนื่องจากได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ว.ที่มีอยู่ของวุฒิสภา จึงเป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ ก่อนการประชุมแบบลับ นายประพันธ์ คูณมี ส.ว. ในฐานะ กมธ.ตรวจสอบประวัติ ได้นำเสนอรายงานว่า การตรวจสอบประวัติได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายสถาพรที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 9(1) ที่กำหนดให้ต้องรับราชการ หรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีผู้พิพากษาไม่น้อยกว่า 5 ปี
แต่ปัจจุบันนายสถาพรเป็นรองประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ และก่อนหน้านั้นเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์ในคดีชำนัญพิเศษ ไม่เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลใดมาก่อน ดังนั้น นายสถาพรไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้ ข้อร้องเรียนดังกล่าวเป็นจดหมายสนเท่ห์ ลงชื่อผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่นที่ 29 รุ่นเดียวกับนายสถาพร
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า หนังสือร้องเรียนระบุด้วยว่าการถืออัตราเงินเดือนเท่ากันเป็นเกณฑ์เทียบไม่มีกฎหมายใดให้ทำได้ จะทำให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และมีคำกล่าวอ้างเป็นหนังสือของศาลยุติธรรม ศย.003/113 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 กรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการแต่งตั้งโยกย้ายและลงโทษทางวินัยมีมติยืนยัน เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565 ตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์และผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ไม่ใช่ตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดีผู้พิพากษาขึ้นไป ตามประกาศของ ก.ต.ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.
นายประพันธ์ กล่าวว่า หากตีความว่า 2 ตำแหน่งเทียบเท่ากับอธิบดีผู้พิพากษาแล้ว สิทธิสมัครตามรัฐธรรมนูญ จะเข้าตามมาตรา 9(1) แต่จะมีประเด็นที่ไม่มีมาตรฐานต่อการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่ง กมธ.ส่วนใหญ่มีมติว่าการวินิจฉัยของกรรมการสรรหาผูกพันเฉพาะผู้สมัครและกรรมการ ไม่มีผลผูกพันต่อ ส.ว.ที่จะให้ความเห็นชอบ