"พิธา" ย้ำไม่ห่วงปมหุ้นสื่อ มั่นใจจัดตั้งรัฐบาลได้ ด้าน "เอกชัย" จี้ กกต.เร่งรับรอง ส.ส. หยุดถ่วงสอบปมถือหุ้นสื่อ เตือนระวัง 14 ล้านเสียง ลงลงถนน
วันที่ 2 มิ.ย. 2566 ช่วงเช้าวันนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวีว่า ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ยังไม่ได้มีการเชิญไปชี้แจงข้อเท็จจริง และจากการตรวจสอบกับทางพรรคเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) ก็ยังไม่มีอะไรมาจากทางกกต. ซึ่งทั้งเรื่องหลักฐาน และเรื่องหลักกฎหมาย หากตัดสินกันด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรมอย่างที่เคยมีมา ก็คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล
เมื่อถามว่า หาก กกต.ไม่สามารถรับรองส.ส.ได้ครบทั้ง 151 คน จะส่งผลกระทบอะไรกับการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เข้าใจว่าหลักกฎหมาย 95% คือ ครบ 60 วัน ประมาณ ก.ค.และหากช้าไป โอกาสที่จะทำตามกระบวนการ หากไม่รับรองก็จะไม่สามารถติดกระดุมเม็ดแรกได้ ไม่สามารถเปิดประชุมสภาฯ เลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯได้ ก็จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งก็จะทำให้เกิดความล่าช้า และประชาชนก็คงเรียกร้อง กกต.ให้ดำเนินการให้เร็ว เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน
เมื่อถามถึงกรณี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ที่โพสต์ข้อความระบุว่า หากนายพิธา ต้องพ้นจาก ส.ส. กรณีการถือหุ้นสื่อ ก็จะไม่ส่งผลต่อฐานะหัวหน้าพรรค ที่เซ็นรับรองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายพิธา กล่าวว่า ตนเองอาจจะยังไม่ได้เห็นรายละเอียดของพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ทำให้ยังให้ความเห็นไม่ได้ แต่เท่าที่ดูข้อมูลของนักวิชาการ และอดีตกกต.หลายๆท่าน ก็บอกว่ามีกฎหมายที่สามารถพูดได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครพลาดอะไร แล้วที่เหลือต้องมีการเลือกตั้งใหม่ พร้อมย้ำว่า ยังมั่นใจในนรายละเอียดของตัวเอง และมั่นใจว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และไปในแนวโน้มที่ดี ถ้า กกต.รับรองเมื่อไร ก็คาดว่าจะประชุมสภาฯได้โดยเร็ว
ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นหนังสือขอให้ กกต.เร่งพิจารณาและประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.โดยเร็ว เนื่องจากผ่านการเลือกตั้งมาเกือบ 1 เดือน แต่ยังไม่มีการรับรอง ส.ส. หากเทียบกับรัฐธรรมนูญปี 2540 กำหนดให้ กกต.รับผลภายใน 30 วัน มีการแจกใบเหลือง ใบแดง สั่งเลือกตั้งใหม่ แต่ กกต.อ้างว่าเวลา 30 วันไม่สามารถพิจารณาเรื่องร้องเรียนและรับรองผลการเลือกตั้งได้ทัน จึงแก้เป็นภายใน 60 วัน
เมื่อเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ยังไม่มีการแจกใบเหลืองใบแดงเลย นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 โดยรอให้เกือบครบ 60 วันแล้วประกาศรับรอง แจกใบแดงแค่ใบเดียวกรณีเลือกตั้งเชียงใหม่ และเลือกตั้งครั้งนี้มีแค่เรื่องร้องเรียนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาร้อง เมื่อกกต.เห็นว่าไม่ปัญหา ก็ควรเร่งรับรองโดยเร็วเพื่อให้มีรัฐบาลชุดใหม่มาแทนที่รัฐบาลรักษาการพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตนเห็นว่าไม่สมควรจะอยู่ทำหน้าที่ต่อแล้ว ควรรับผิดชอบด้วยการลาออก กรณี พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตก
เมื่อถามว่ากรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูกร้องเรียนเรื่องการถือหุ้นสื่อนั้น กกต.ควรจะเร่งตรวจสอบเพื่อให้นายพิธา ได้เคลียร์ตัวเองด้วยหรือไม่ นายเอกชัย กล่าวว่า กรณีของนายพิธา ก็เคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ที่พิพากษากรณีนายชาญชัย อิสรเสนารักษ์ ที่ถือหุ้นบริษัท AIS 200 กว่าหุ้นไม่เป็นลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงมองว่ากรณีนายพิธาถือหุ้น 42,000 หุ้น จากหุ้นไอทีวีมีมากกว่า 1.2 พันล้านหุ้น ตนเห็นว่าน้อยมาก ถือหุ้นแค่นี้ แม้แต่ไอในห้องประชุมยังทำไม่ได้
กกต.สามารถหยิบยกคำพิพากษาศาลฎีกาฯ กรณีนายชาญชัย มาพิจารณาและตีตกคำร้องการถือหุ้นของนายพิธาได้เลย ไม่จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งสถานะของนายพิธา ก็ไม่แตกต่างกับสถานะของนายชาญชัย ที่เป็นเพียงผู้สมัคร ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ดังนั้น กกต.จึงพิจารณาได้เลยโดยไม่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าหากผลของคดีนี้เป็นไปในทางลบ จะส่งผลให้คนสนับสนุนออกมาเคลื่อนไหวลงถนนหรือไม่ นายเอกชัย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ สมมติหากกกต.รับรอง ส.ส. และส่งเรื่องนายพิธา ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ หากก่อนการโหวตนายฯ แล้วศาลยังไม่ได้พิจารณา นายพิธาก็มีสิทธิได้รับการโหวต แต่จะได้เป็นหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่หากนายพิธา โดนศาลรัฐธรรมนูญแขวน ก่อนการโหวตนายกฯ เช่นเดียวกับกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ที่สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ กรณีดำรงตำแหน่ง 8 ปี จึงเป็นไปได้ว่าอาจทำให้นายพิธาเสียสิทธิ์แคนดิเดตนายกฯ และต้องไปโหวตคนอื่น ซึ่งตนมองว่าไม่เป็นผลดี หากศาลวินิจฉัยว่าไม่ผิด แล้วไปแขวนเขาทำให้ไม่มีสิทธิได้โหวตเป็นนายกฯ ตนจึงมองว่ากกต.ควรเร่งวินิจฉัยตีตกเลย
“ขอฝาก กกต.ชุดนี้ถูกครหาว่ามีที่มาจาก คสช. เลยทำให้หลายคนเกิดความระแวง ตั้งแต่การเลือกตั้ง ก็เหมือนเอื้อหรือเข้าข้างไปทางฝ่ายที่ตั้งเขามา ดังนั้น กกต.อย่าทำตัวไปตามที่คนเขาสงสัย อย่างกรณีนี้ คะแนนเสียงออกมาก็โอเค เท่าที่ดู กองเชียร์ก็พอใจ แต่ที่จับตา คือกรณีนายพิธาจะถูกสอยเรื่องหุ้น แล้วอย่างที่นายวิษณุ เครืองาม บอกว่าการโดนสอยเรื่องหุ้น อาจทำให้ส.ส. อีก 150 กว่าคนกระเด็นไปด้วย อันนี้คนกำลังจับตาอยู่ว่า กกต.จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร อย่าไปฟังคนที่กำลังจะไปแล้ว แต่ให้พิจารณาตามสิ่งที่ควรทำตามหน้าที่ของคุณ” นายเอกชัย กล่าว