“ธนกร” ระบุ ให้เป็นมติพรรค หาก ส.ส.จะร่วมเข้าชื่อตรวจสอบคุณสมบัติ “พิธา” รอให้เป็นไปตามกระบวนการของกกต.-ศาล รธน.ก่อน ยัน รทสช. โหวตประธานสภาฯ-นายกฯ ทิศทางเดียวกัน พรรคร่วมฯเดิมสัมพันธ์ดี
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง(19 มิ.ย.) ส.ส.ครบ 500 คนแล้ว ส.ส ของพรรครวมไทยสร้างชาติทยอยเดินทางไปรายงานตัวเลยหรือไม่ ว่า เมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ซึ่งเห็นด้วยว่าจากมีการนัดหมายกันอีกครั้งว่าจะไปรายงานตัวพร้อมกันวันไหน ซึ่งส่วนตัวมองว่าที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์กดดันการทำงาน ของ กกต.ว่าล่าช้า แต่สุดท้ายก็ได้มีการประกาศผลออกมา ก็ต้องชื่นชมเพราะถือว่าทำงานได้เร็ว
ส่วนการอบรม สัมมนา ส.ส.ใหม่ ของพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น เข้าใจว่าจะจัดเป็นการภายใน และ หลังจากนั้นจะมีการสัมมนานอกสถานที่ในต่างจังหวัดอีกหนึ่งครั้ง เนื่องจากพรรคยังไม่เคยมีการจัดเพื่อพบปะพูดคุย และที่ผ่านมาได้ฟังเสียงสะท้อนจาก ส.ส. และ ผู้สมัครรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ที่จะนำมาขับเคลื่อนพรรคการเมือง ดังนั้นจึงต้องมีการพูดคุยและนำข้อมูลเหล่านี้ มาทำงานให้พรรคเข้มแข็งขึ้น นอกจากนี้ ส.ส.ทั้ง 36 คน หลายคนเป็นส.ส.ใหม่ ซึ่งต้องมีการทำความเข้าใจเรื่องระเบียบต่างๆ และวิธีการในสภาฯ มากกว่านี้
ส่วนการลงคะแนนเลือกประธานสภาฯ และการโหวตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นมติพรรคในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายธนกร ยืนยันว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเข้าใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันมีการพูดคุยกันด้วยในเรื่องนี้ และมีความสัมพันธ์อันดี ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน และที่ผ่านมามีการพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค กันตลอด
เมื่อถามว่าจะมีการเสนอชื่อประธานสภาฯแข่งหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่สามารถตอบแทนได้ต้องมีการประชุมพรรคก่อน ส่วนจะมีความเป็นไปได้ที่ พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จะนัดประชุมหารือและแถลงร่วมกันหรือไม่ นาย ธนกร กล่าวว่า ต้องไปถามความเห็นของแต่ละพรรคแต่ส่วนตัวก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะพูดคุยกัน พร้อมกันนี้ไม่ขอก้าวล่วงพรรคอื่น ว่า การโหวตในสภาจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ยืนยันว่าความสัมพันธ์อันดีมีมายาวนานอยู่แล้ว ซึ่งในทางการเมืองก็จะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันอยู่ตลอดเวลา
นายธนกร กล่าวถึง บทบาทของส.ส.ในการทำหน้าที่ในสภาฯ ว่า ในพรรคมีทั้งส.ส.อาวุโส ที่มีประสบการณ์หลายท่าน ทั้งนายจุติ ไกรฤกษ์ นายวิทยา แก้วภราดัย จะใช้ประสบการณ์ มาเป็นประโยชน์กับส.ส.รุ่นใหม่ เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนการทำงานในสภาฯ ก็ต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีที่สุด
ส่วนส.ส.36 คนของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นโต้โผหลักในการรวบรวมรายชื่อ ส.ส.50 คน เพื่อตรวจสอบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่จริงๆหลังเมื่อ กกต. รับรองแล้ว กลไกในการดำเนินคดีต่างๆ ก็เดินหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้มีการยื่นร้องเรียน แต่เมื่อ กกต.รับรองความเป็น ส.ส.แล้ว สถานะก็เปลี่ยน และเข้าเงื่อนไขในข้อกฎหมายทั้งหมด เพราะฉะนั้น กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องดำเนินการ ส่วนจะเป็นหน้าที่กกต. หรือ ส.ส. ในการยื่นตรวจสอบนายพิธานั้น เห็นว่า ไม่ใช่หน้าที่ของใคร แต่คนไหนที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว เป็นไปตามกระบวนการและข้อกฎหมาย
เมื่อถามย้ำว่า ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกกต. ดำเนินการไปตามช่องทางของศาลรัฐธรรมนูญก่อน ถึงจะเป็นขั้นตอนของการเข้าชื่อส.ส. เพื่อตรวจสอบหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า หลังจากที่ กกต.รับรอง หลังจากนั้นก็เดินหน้าตามข้อกฎหมาย ว่าจะมีการประชุม และโหวตเลือกประธานสภาในกี่วัน จากนั้นจะเป็นการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางตามปกติ แต่ถ้าว่าที่นายกฯ มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายก็คาดการณ์ไม่ได้ว่าองค์กรที่ตรวจสอบ จะตัดสินตอนไหน ซึ่งต้องไปดูว่าอาจจะทำให้เกิดปัญหาอย่างไร ก็ต้องไปดูกัน ส่วนส.ส. ของพรรคจะเข้าชื่อหรือไม่ ก็ขอให้เป็นมติพรรคที่จะต้องพูดคุยกัน