“ปดิพัทธ์” มั่นใจหาข้อยุติตำแหน่ง ปธ.สภาฯ ก่อนวันโหวต

“ปดิพัทธ์” มั่นใจหาข้อยุติตำแหน่ง ปธ.สภาฯ ก่อนวันโหวต
ว่าที่ประธานสภาฯ จากพรรคก้าวไกล มั่นใจทีมเจรจาสรุปได้ก่อนวันโหวต ประกาศพร้อมทำหน้าที่ประมุขนิติบัญญัติ

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ซึ่งคาดว่าจะได้รับเสาอชื่อจากพรรคให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลเลื่อนการประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับตำแหน่งดังกล่าวออกไปแบบไม่มีกำหนด ว่า เป็นการเลื่อนเพื่อรอจนกว่าคณะเจรจาจะได้ข้อยุติ ซึ่งขณะนี้ทางคณะเจรจาได้รับเสียงตอบรับจากส.ส.แต่ละพรรคและสังคมรอให้เดินหน้าเจรจา และการเลื่อนการประชุมวันนี้ทำให้ต้องเลื่อนการประชุม 8 พรรคในวันพรุ่งนี้ (29 มิ.ย.) ด้วย

“พรรคก้าวไกลถอยออกมาหลังจากที่พรรคเพื่อไทยประกาศต้องการตำแหน่งประธานสภา ขณะนี้การเจรจายังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่ยังไม่มีการโหวตการเจรจาก็ยังสามารถเดินหน้าได้ แต่ด้วยเงื่อนเวลาบีบให้ต้องมีความชัดเจน แต่ก็ต้องให้เวลากับคณะเจรจา ซึ่งทางพรรคก้าวไกลเตรียมพร้อมสำหรับการทำหน้าที่ประธานสภาฯ” นายปดิพัทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยต้องการเก้าอี้ประธานสภาฯ พรรคก้าวไกลยอมถอยหรือไม่ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคเดินหน้าไปได้หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคณะเจรจาและเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปทันก่อนการโหวต

“ก่อนลงทุนสร้างบ้าน ก็อาจจะทะเลาะกันเรื่องพิมพ์เขียวให้เรียบร้อย ถ้าปรับแบบแล้วยังไม่พอใจก็ไม่ต้องสร้าง แต่สุดท้ายก็ต้องมีวันสร้าง นั่นคือวันที่มีรัฐพิธีเปิดประชุมสภา แนวโน้มและเสียงโหวตที่ประชาชนมอบให้ ยังไง 2 พรรคนี้ก็ต้องหาทางตกลงกันให้ได้อยู่แล้ว” นายปดิพัทธ์ กล่าว

นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงหลักการที่ว่าพรรคอันดับหนึ่งต้องได้ตำแหน่งประธานสภาฯ เช่นเดียวกับพรรคอันดับหนึ่งที่ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่า พรรคก้าวไกลยังเดินหน้าตามหลักการนี้ และต้องชี้แจงสังคมให้ได้ว่าทำไมพรรคก้าวไกลถึงพร้อม จึงเตรียมแผนในทิศทางที่ควรจะเป็นไว้ หากแผนเปลี่ยนแปลงค่อยว่ากัน

ส่วนประเด็นนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทย-ก้าวไกลแตกกันหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า  ในฝั่งของก้าวไกล เป้าหมายใหญ่คือการฟอร์มรัฐบาล และจะไม่ยอมให้ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาทำให้เป้าหมายนี้เสียไป อย่างไรก็ตาม เป็นสิทธิ์ของแต่ละฝ่ายที่จะวิพากษณ์วิจารณ์ถึงตัวบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งมีข้อเสนอเรื่องประสบการณ์ที่ได้รับเสียงสะท้อนมาจากครั้งก่อน จึงต้องทำงานหนักมากขึ้น ค้นคว้าข้อมูลและถามผู้รู้

“ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นประธานสภาฯ ที่ดีที่สุดหรือไว้ใจได้อย่างไร แต่ได้แสดงความพร้อมในการทำหน้าที่และทำงานหนักร่วมกับทุกฝ่าย ซึ่งตามข้อบังคับก่อนโหวตจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ชิงตำแหน่ง เชื่อว่าจะสามารถแสดงถึงความตั้งใจที่จะสื่อสารกับส.ส. แต่ทั้งหมดนั้นจะต้องได้ข้อยุติที่ทีมเจรจาก่อน” นายปดิพัทธ์ กล่าว

นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงการทำงานในพรรคก้าวไกลว่าได้แบ่งการทำหน้าที่ 3 ทีมประกอบด้วยทีมเจรจา ทีมฟอร์มรัฐบาล และทีมฟอร์มสภาฯ ซึ่งจะพูดคุยเรื่องตัวบุคคลที่วางไว้ แต่อาจจะสลับสับเปลี่ยนกันบ้าง และในทีมสภาฯ ทำงานร่วมกัน ต้องวางระบบการทำงานของรัฐสภา แต่ท้ายที่สุดชื่อของตนถูกนำเสนอโดยคณะกรรมการบริหารพรรค และประกาศให้ที่ประชุมส.ส.ได้รับทราบ  และวางใจทีมเจรจาในการหาข้อยุติ

“มั่นใจว่าหากได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาจะสามารถทำหน้าที่ได้ เพราะเชื่อว่าส.ส.ทุกคนมีวุฒิภาวะ และอาจไม่ต้องให้ความเคารพที่ตัวของตนเอง แต่ต้องเชื่อและปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมสภาที่ถือเป็นกฎหมาย และเคารพรัฐธรรมนูญ หากทุกคนอยู่ในกติกา เชื่อว่าการทำตามกติกาสามารถทำให้เอาอยู่ได้ ยืนยันว่าจะเปิดกว้างผลักดันกฎหมายของทุกพรรค ผมจะลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคและไม่ร่วมประขุมส.ส.ของพรรค เพื่อรักษาความเป็นกลาง พร้อมเปิดรับการเสนอกฎหมายจากทุกพรรคและประชาชน” นายปดิพัทธ์ กล่าว

TAGS: #ประธานสภา #ก้าวไกล #เพื่อไทย