"วันนอร์" เล็งประชุมโหวตเลือกนายกฯ 13 ก.ค. ไม่จำกัดครั้ง จะโหวตจนกว่าจะได้ ย้ำต้องมีนายกฯ เข้ามาบริหารประเทศให้ได้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เผย ได้เชิญเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รองเลขาธิการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาหารือ เพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาฯ ซึ่งคาดว่าจะมีภายใน 1-2 วันนี้ และเตรียมการสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดแรก ในวันที่ 12 ก.ค. โดยจะมีวาระที่ให้สมาชิกซึ่งยังไม่ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่งส.ส. รวมถึงกำหนดกรอบสมัยประชุมและวันในการประชุมแต่ละสัปดาห์
ส่วนการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีนายวันมูหะหมัดนอร์ กล่าวว่า ได้หารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาแล้ว และเห็นตรงกันว่าให้กำหนด วันประชุม 13 ก.ค. ซึ่งจะมีวาระเลือกนายกรัฐมนตรี แต่หากเลือกครั้งแรกไม่ได้ 376 เสียง จะต้องนัดประชุมใหม่ อย่างไรก็ตามคงต้องดูสถานการณ์ในวันนั้นเพราะอาจจะผ่าน เพียงแค่การประชุมครั้งเดียวก็ได้ แต่หากไม่ผ่านก็ต้องมาวิเคราะห์ดูคะแนนที่ได้ ว่าขาดจำนวนเท่าใด จึงจะครบ 376 และฝ่ายผู้เกี่ยวข้องจะต้องไปหาแนวทาง ประสาน ก่อนจะมาประเมินอีกครั้งว่าจะกำหนดวันประชุมเมื่อใด แต่โดยสรุปคือรัฐสภาจะต้องประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ ถ้า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้ก็ต้องหาจนได้ เพราะรัฐสภามีอำนาจหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไปบริหารประเทศ เพราะประเทศจะขาดนายกรัฐมนตรีไม่ได้
นายวันมูหะมัดนอร์ ขอพูดอย่างเป็นกลางว่าสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่ออกกฎหมาย พิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ ซึ่งได้รวมกันในการจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง แล้วเมื่อวานนี้ในการเลือกรองประธานสภาก็ได้แสดงให้เห็นว่า ได้เสียงมาอย่างพร้อมเพรียง แต่การเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องได้ยินเสียง 376 เสียง และขาดอยู่ 64 เสียง ถ้ายังเลือกไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ และในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่า จะต้องเลือกกี่ครั้ง เป็นคนเดิมหรือคนใหม่ ต้องดูตามความเหมาะสม ประธานจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ ต้องปรึกษาทุกฝ่ายเพราะเรื่ององค์ประชุมเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องกำหนดวันที่ สมาชิกพร้อมร่วมประชุมเกินครึ่งให้ได้ ดังนั้นเชื่อมั่นว่าหากทำอะไรด้วยความเหมาะสมและให้เกิดประโยชน์กับประชาชน จะทำให้ บรรลุเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามรวมคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และตามรายชื่อที่เสนอไว้ต่อกรรมการการเลือกตั้ง หากเลือกแล้วยังไม่ได้รัฐธรรมนูญก็ เปิดทาง กำหนดให้ เสนอคนนอกได้แต่ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา ในการรับรองแต่ในการลงมติ ก็ต้องใช้เสียง 376 เสียงเหมือนเดิม ซึ่งเราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ย้ำว่าสิ่งสำคัญคือต้องมีนายกรัฐมนตรี ที่บริหารประเทศต่อไปได้
สำหรับคำมั่นสัญญา ของ 8 พรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่ระบุ ว่าจะต้องผลักดันนายพิธาไปให้ถึงที่สุด จะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ กำหนดกรอบเวลาในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าจะต้อง เสนอชื่อนายพิธาอีกกี่ครั้งจึงจะเปลี่ยน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า 8 พรรคร่วมรัฐบาลได้ตกลงใจ สนับสนุนพรรคที่มีเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม แต่รัฐสภาทำหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีและมีส.ว. มาเกี่ยวข้อง ซึ่งลำพังส.สไม่ได้มีปัญหาเพราะ 312 เสียงถือว่าเกินครึ่งไปเยอะแล้ว แต่การเลือกนายกรัฐมนตรีกำหนดด้วยตัวเลข 376 เสียง
ส่วนการเลื่อนลำดับส.ส.บัญชีรายชื่อหลัง ส.ส.อีก 2 คนจากพรรคก้าวไกลและพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่าจะต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯก่อนและจะเข้าสู่กระบวนการเลื่อนลำดับต่อไป