"เสรี" ถอย ไม่เข้าชื่อ ส.ว ตีความ “พิธา” ไม่ควรนั่งนายก มองส.ว.ไม่โหวตทำได้ แต่ไม่ควรวอร์คเอ้าท์
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า จากที่ตนระบุถึงการศึกษาในแนวทางการเข้าชื่อ ส.ว. ที่จะยื่นตีความคุณสมบัติของบุคคลที่เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้นล่าสุดเห็นว่าไม่ใช่แนวทางและไม่เหมาะสมรวมถึงไม่ควรทำ อย่างไรก็ดีขณะนี้ทราบว่าจะมีส.ส.ที่อาจจะเข้าชื่อเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นคุณสมบัติของนายพิธา ดังนั้นควรปล่อยให้กระบวนการเป็นเรื่องของสภาฯ ขณะเดียวกันทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของนายพิธาและเตรียมจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ดังนั้นเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะมีความชัดเจน ส่วนจะดำเนินการได้ทันก่อนโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
นายเสรี กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดหน้าที่ให้สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบไม่ใช่แค่เลือกหรือไม่เลือก ดังนั้นกรณีจะให้ความเห็นชอบต้องพิจารณารายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ส่วนที่บางฝ่ายอ้างว่า ส.ว.สามารถใช้อำนาจยับยั้งการแก้ไขมาตรา 112 ตอนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของวุฒิสภา มองว่าไม่สามารถรอให้ถึงตอนนั้นได้ เพราะ ส.ว.ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เนื่องจากทราบเจตนาของผู้เสนอแก้ไข ว่าต้องการใช้เป็นเวทีเพื่อเปิดช่องวิพากษ์วิจารณ์ ด้อยค่า สถาบันเบื้องสูง
กรณีที่โหวตนายกฯ รอบแรก แต่นายพิธาไม่ได้รับเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาจะทำให้เกิดสถานการณ์พลิกขั้วการเมืองหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เกิดได้ทุกอย่าง เพราะขึ้นอยู่ ส.ส.ไปจัดทัพ รวบรวมคะแนน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการพลิกขั้ว หรือ เปลี่ยนข้างได้ทั้งสิ้น และตนเชื่อว่าการเมืองหลังจากนั้นจะไม่อ่อนแอ
สำหรับกรณีที่ส.ว.มีความเห็นว่าให้ปัดตกชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่โหวตไม่ผ่านในรอบแรก นายเสรี กล่าวว่า ตามกติกาไม่มีสิ่งใดห้าม แต่อยู่ที่ความเหมาะ ความควร หากคนที่รัฐสภาไม่เห็นชอบในรอบแรก จะเสนอกลับมาอีกเพื่ออะไร หากทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดภาพได้ว่า มีการล็อบบี้กันเกิดขึ้นหรือไม่ ทั้งที่คะแนนรอบแรกปรากฎชัดเจนอยู่แล้ว หากรอบแรกไม่ได้ รอบต่อไปต้องเปลี่ยนคน
“หากรอบสอง พรรคการเมืองยังเสนอชื่อคนเดิม ส.ว. ไม่จำเป็นต้องประท้วงหรือวอร์คเอ้าท์ แค่นั่งบนเก้าอี้และงดออกเสียง ก็เพียงพอ และมีค่าเท่ากัน” นายเสรี กล่าว