"เสรี สุวรรณภานนท์ " เผยส.ว.ผวาถูกขู่ให้ชงชื่อ "พิธา" เป็นนายกฯ ซ้ำ เย้ยก้าวไกลไร้พลังเงียบส.ว. ขวาง เพื่อไทย นั่งนายกฯ หากยังจับมือก้าวไกล ยัน ส.ว.ไม่เล่นด้วย โหวตผู้นำเสียงข้างน้อย ชี้ไม่มีประโยชน์
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.กล่าวถึงกรณีส.ว.บางส่วนมีความเห็นไม่ให้นำชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มาเสนอชื่อโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 2 หากการโหวตรอบแรกไม่ได้รับเสียงเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาว่า แม้ตามรัฐธรรมนูญจะไม่มีข้อห้ามให้ผู้ที่เสนอชื่อโหวตนายกฯรอบแรกไม่ผ่าน ไม่ให้กลับมาเสนอรอบสอง แต่ในทางปฏิบัติควรเสนอชื่อบุคคลอื่นแทน เพราะมีความชัดเจนไปแล้วว่า ที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นด้วยกับรายชื่อที่เสนอ ถ้ายังให้นำกลับมาเสนอชื่อซ้ำได้ จะถูกตั้งคำถามมาก ว่าทำเพื่ออะไร จะเพื่อไปติดต่อ วิ่งเต้นขอคะแนน หรือให้ผลประโยชน์อะไรหรือไม่
“ตามมาตรฐานสากล หากมีการโหวตเลือกใครไปแล้ว ไม่ได้รับความเห็นชอบถือว่า ควรจบไปในรอบเดียว แล้วไปจัดทัพรวบรวมเสียงหาคนมาเลือกใหม่ ถ้าให้เลือกซ้ำคนเดิมได้ ก็ไม่รู้จะโหวตเลือกกันไปกี่รอบ ยิ่งการโหวตเลือกรอบแรกไปแล้ว ทำให้รู้ว่า ใครโหวตเลือก หรือไม่เลือก อาจจะมีการล็อบบี้หรือข่มขู่เจ้าตัว หรือลูกเมียให้เกิดความกลัว เพื่อให้เลือกในรอบต่อไป ที่ผ่านมาส.ว.ก็โดนข่มขู่ลักษณะนี้ แต่เราไม่กลัว” นายเสรี กล่าว
นายเสรี ระบุ ขณะนี้ส.ว.หลายคนเปลี่ยนใจจากเดิมจะสนับสนุนเป็นไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ หลังได้รับฟังเหตุผลต่างๆ จนเปลี่ยนใจ แม้พรรคก้าวไกลยังเชื่อว่า มีพลังเงียบจากส.ว.จะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ แต่ตนอยู่วงใน ทราบอะไรได้ชัดและเยอะกว่า เชื่อว่า ไม่มีพลังเงียบส.ว. ถ้ามีก็แค่บวกลบ 5 คน ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนไปก็คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะช่วงหลังเริ่มข่มขู่กันเยอะขึ้น ทั้งผ่านคนในครอบครัว ผ่านไลน์ ถึงความไม่ปลอดภัย ตนก็โดนข่มขู่ระวังลูกเมียไม่ปลอดภัย
นายเสรี กล่าวอีกว่า ส่วนกระแสข่าวแจกเงินซื้อส.ว.ในการโหวตนายกฯ มีได้ยินมาบ้าง แต่ไม่รู้มีจริงหรือไม่ แต่ใครให้ก็เสียเงินเปล่า เพราะ ส.ว.ส่วนใหญ่ยืนยันไม่หนุน นายพิธา เพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 และกฎหมายอื่นๆ ไม่ต้องมาโทษส.ว. ทุกอย่างทำตัวเองทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายพิธาไปไม่รอด พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล ส.ว.พร้อมโหวตให้แคนดิเดตนายก พรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ส.ว.เคยหารือกันถึงกรณีถ้าเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็นของพรรคเพื่อไทย แต่ยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ เสียงส.ว.ส่วนใหญ่ก็ไม่สนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคก้าวไกลยังร่วมรัฐบาลและจะแก้มาตรา112 อยู่ ส.ว.ก็ไม่สบายใจ ดังนั้นก้าวไกลควรไปเป็นฝ่ายค้าน แม้ขณะนี้การเสนอแก้มาตรา 112 ยังเป็นแค่ขั้นตอนทางกฎหมาย อาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯในที่สุด แต่ส.ว.อยากแก้ปัญหาตั้งแต่ต้น เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เพราะไม่อยากให้เข้ามาอภิปราย เสนอความเห็น มีคนวิพากษ์วิจารณ์ จะทำให้ปัญหาลามไปสู่ภายนอกได้ เกิดความขัดแย้งยิ่งขึ้นอีก
“ดังนั้นหากพรรคก้าวไกลยังร่วมรัฐบาล และไม่ลดราวาศอก ไม่หยุดแก้ไขมาตรา112 ส.ว.ก็ไม่เลือก ไม่ว่า จะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯก็ตาม ถ้าก้าวไกลไม่ถอย แก้มาตรา 112 วุฒิสภาก็ไม่ถอย ถ้าพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ตั้งรัฐบาลโดยไม่ไปแตะต้องมาตรา 112 ก็ถือเป็นการเมืองปกติ ส.ว.พร้อมโหวตสนับสนุน ปัญหาจะไม่มีเลย” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวว่า ส่วนกรณีหากอดีตพรรคฝ่ายรัฐบาลเดิมจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยมาสู้ หากการโหวตนายกฯไม่สำเร็จสักทีนั้น เชื่อว่า ส.ว.ก็ไม่น่าโหวตให้คนฝ่ายเสียงข้างน้อยเป็นนายกฯ รัฐบาลเสียงน้อยตั้งไปไม่มีประโยชน์ เพราะไม่มีเสียงสนับสนุนถึง 250 เสียง การบริหารประเทศจะไม่ได้รับความร่วมมือในการออกกฎหมายสำคัญๆ ได้แค่แก้ปัญหาของตัวเองก็เหนื่อยพอแล้ว แต่ไม่มีเวลาบริหารประเทศ ส.ว.ต้องคำนึงเรื่องเหล่านี้ด้วย ดังนั้นโอกาสไปหนุนเสียงข้างน้อยเป็นนายกฯแทบจะไม่มี แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่คงไม่ได้เสียงสนับสนุนจากส.ว.