สวนดุสิตโพล เผย ประชาชน68.32% มองการจัดสรรตำแหน่งไม่ลงตัว มุ่งประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป เป็นอุปสรรค จัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะที่ 56.12% เชื่อ เลือกนายกฯ ไม่น่าจะราบรื่น
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ กรณี “คนไทยกับการเมืองไทยหลังจากได้ประธานสภา” จำนวนทั้งสิ้น 1,078 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2566 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนมีความเห็นอย่างไรกับการเมืองไทยในช่วงนี้
อันดับ 1 อยากเห็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่และรัฐบาลใหม่โดยเร็ว 71.65%
อันดับ 2 เบื่อความขัดแย้ง เลือกตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ 69.05%
อันดับ 3 การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ แก่งแย่งกันไปมา 51.49%
2. ประชาชนคิดว่าปัญหาและอุปสรรคของ “รัฐบาลใหม่” คืออะไร
อันดับ 1 การจัดสรรตำแหน่งไม่ลงตัว มุ่งประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป 68.32%
อันดับ 2 มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ซับซ้อน ต้องใช้เวลา 67.01%
อันดับ 3 ความคิดเห็นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกภายในพรรคไม่ตรงกัน 65.70%
3. ประชาชนคิดว่าควรทำอย่างไร การจัดตั้งรัฐบาลใหม่จึงจะราบรื่น
อันดับ 1 คำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าของพรรคการเมือง 78.52%
อันดับ 2 เคารพเสียงของประชาชน คำนึงถึงหลักประชาธิปไตย 69.47%
อันดับ 3 ควรทำตามกติกามารยาทที่พึงปฏิบัติ 47.90%
4. ประชาชนคิดว่า “การเลือกนายกรัฐมนตรี” จะเป็นไปด้วยความราบรื่นหรือไม่
อันดับ 1 ไม่น่าจะราบรื่น 56.12%
อันดับ 2 น่าจะราบรื่น 43.88%
5. ประชาชนอยากให้รัฐบาลใหม่เร่งแก้ไขปัญหาใดบ้าง
อันดับ 1 ปัญหาปากท้อง ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ 77.35%
อันดับ 2 ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ 72.04%
อันดับ 3 ความเหลื่อมล้ำของประชาชน 57.50%
6. ความในใจของประชาชนที่อยากบอก “รัฐบาลใหม่”
อันดับ 1 ขอให้ตั้งใจทำงาน ร่วมมือกันพัฒนาประเทศ สร้างผลงานให้เป็นรูปธรรม 43.05%
อันดับ 2 พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น 39.66%
อันดับ 3 บริหารบ้านเมืองด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต 30.45%
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า ผลโพลชี้ให้เห็นว่าช่วงนี้ประชาชนติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด แม้จะเบื่อหน่ายกับระบบที่กว่าจะได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่และรัฐบาลใหม่ แต่ก็ยังเฝ้ารอและจับตามองว่าแต่ละพรรคการเมืองจะเคลื่อนไหวส่งสัญญาณอย่างไรต่อไป และมองว่าจากการเลือกประธานสภายังคงเป็นการเมืองแบบเก่าที่เน้นเล่นเกมการเมือง เสียงของประชาชนจึงบอกผ่านผลโพลว่า “อย่ามุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตน ให้ตั้งใจทำงาน เร่งแก้ปัญหาปากท้องโดยเร็ว”
ด้าน รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์ คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า จากผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยจำนวนมากมีความสนใจและตื่นรู้การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง โดยเฉพาะห้วงเวลาหลังการเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่การโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร (ประธานรัฐสภา), การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของที่ประชุมร่วมกันของทั้งสองสภา (สภาผู้แทนราษฎร + วุฒิสภา = รัฐสภา) และอาจหมายรวมถึงความสนใจของคนไทยต่อการจัดตั้งรัฐบาล และใครพรรคใดจะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใดบ้าง ประเด็นเหล่านี้จึงสอดคล้องกับความคาดหวังของคนไทยและนักลงทุนในตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ผลโพลดังกล่าวยังชี้ให้เห็นทิศทางและแนวโน้มทางการเมืองว่าด้วยเรื่องการยื้อแย่งอำนาจและความพยายามในการเจรจาต่อรอง ในขณะที่ภาคประชาชนนั้นต้องการให้รัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ควรตระหนักและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนและพรรคการเมืองของตนเอง