"ภูมิธรรม" ย้ำ เพื่อไทย-ก้าวไกล ยังไม่เคาะเสนอชื่อ "พิธา" โหวตเป็นนายกฯ รอบสอง เลื่อนถก 8 พรรคร่วมฯ เป็น17 ก.ค. ค้านแก้ 272 อยากให้โฟกัสจัดตั้ง รัฐบาลก่อน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ออกมาระบุขอสู้อีก 2 สมรภูมิ คือ การโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค. และการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯ ว่า เข้าใจว่า การสื่อสารระหว่างตัวแทนพรรคก้าวไกลที่ร่วมหารือกับพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 14 ก.ค. กับนายพิธา อาจมีความคลาดเคลื่อน เพราะจากการหารือของตัวแทนทั้งสองพรรคยังคงมีความเห็นต่างที่แต่ละพรรคยังสงวนความคิดเห็นไปหารือภายในกันก่อน แล้วค่อยไปหารือกับ 8 พรรคร่วมที่เดิมกำหนดเป็นเช้าวันที่ 18 ก.ค. แต่มีการเปลี่ยนมาเป็นเย็นวันที่ 17 ก.ค. ก่อนที่ทั้งสองพรรคจะนำความเห็นมาหารือกันอีกครั้งเพื่อกำหนดเป็นแนวทางโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค. เราจึงยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการเสนอชื่อนายกฯ วันที่ 19 ก.ค. ของ 8 พรรคร่วม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่ทั้งสองพรรคสงวนความคิดเห็นกลับไปพิจารณาภายในนั้น เช่น เรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่มีหลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ถือเป็นการเสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 หรือไม่ เพราะการเสนอญัตติซ้ำในสมัยประชุมเดียวกันไม่สามารถทำได้ ทางออกของเรื่องนี้คือประธานรัฐสภาเป็นผู้วินิจฉัย หรือให้ที่ประชุมลงมติหาทางออกร่วมกันซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงทั้งสองแนวทาง หากสามารถเสนอชื่อนายพิธาได้ 141 เสียงของพรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนนายพิธา แต่นายพิธาก็ต้องตอบให้ชัดว่าสมรภูมินี้จะสู้ถึงที่สุดเมื่อไหร่ เพราะคะแนนที่ออกมาจากการโหวตครั้งแรกเห็นชัดเจนว่า การจะไปถึง 376 เสียงนั้น เป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะคะแนนเสียง ส.ว.ที่ได้มาเพียง 13 เสียงกว่าจะไปถึง 64 เสียง พรรคก้าวไกลต้องตอบให้ได้ว่า จะนำมาจากไหนการเสนอครั้งนี้มีโอกาสสำเร็จหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการเสนอชื่อแข่งจากซีกรัฐบาลเดิมที่มีกระแสข่าวเข้ามาอีก เหล่านี้เป็นประเด็นที่ต้องได้คำตอบที่ชัดเจนก่อนจะเข้าไปโหวตวันที่ 19 ก.ค.
เมื่อถามว่า หากไม่เสนอชื่อนายพิธา 8 พรรคร่วมจะเสนอชื่อใคร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอสงวนสิทธิที่จะตอบคำถาม เพราะต้องให้ได้ความชัดเจนก่อนว่าจะเสนอชื่อนายพิธาหรือไม่ แล้วจึงสามารถคิดต่อได้ หากเรายังไม่ได้ข้อสรุปการคิดอะไรต่อจะเป็นการขยายประเด็นไปเรื่อยๆ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคนระบุว่า การที่พรรคก้าวไกลไม่ได้เสียง ส.ว.ตามที่พูดไว้ถือเป็นการหลอกพรรคร่วมด้วยกัน และเอ็มโอยูที่เซ็นกันไว้ถือว่ายุติไป ตั้งแต่วันที่ผลโหวตนายกฯ ครั้งแรกออกมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ผู้มีความเห็นสามารถคิดได้ว่าถูกหลอก เพราะตัวเลขที่ออกมาคลาดเคลื่อนจากที่ทางพรรคก้าวไกลออกมาระบุไม่ว่าจะเป็น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ที่ระบุว่ามีเสียงเพียงพอ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่บอกว่ามีเกิน 100 เสียง แต่อีกมุมหนึ่งตัวเลขที่คลาดเคลื่อน อาจเกิดจากประสบการณ์ที่ไม่เข้าใจความคิดของ ส.ว. ทำให้ประเมินผิดพลาด เพราะถ้าเข้าใจคงประเมินได้ใกล้เคียงความเป็นจริงกว่านี้ก็เป็นได้ ซึ่งตรงนี้ก็คงแล้วแต่การตีความ ส่วนที่ระบุว่าเอ็มโอยูสิ้นสุดไปแล้วนั้น ส่วนตัวไม่ขอตอบประเด็นดังกล่าว แต่สิ่งที่เห็นคือมีการเพิ่มเนื้อหาของเอ็มโอยู ที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงเดิมตามที่นายพิธาได้แสดงความคิดเห็นออกมา ถือเป็นการประกาศของพรรคก้าวไกลโดยที่ยังไม่ได้ข้อสรุปร่วมกัน
เมื่อถามย้ำถึงกรณีพรรคก้าวไกล ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย เคยยื่นแก้ไขมาตรานี้ไปแล้ว 2 ครั้ง โดยไม่ผ่านการพิจารณา และในตอนนั้นพรรคก้าวไกลเองก็งดออกเสียง หากนับในสภาครั้งที่ผ่านมามีการเสนอเรื่องนี้ 6-7 ครั้ง ไม่ผ่านทั้งหมด เหตุใดจึงมาผลักดันเรื่องนี้ช่วงนี้ พรรคเพื่อไทยมองว่า ไม่ใช่เรื่องด่วนที่ต้องทำตอนนี้เพราะทราบผลอยู่แล้วว่า ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีเสียงฝ่ายค้านสนับสนุน 20% ตอนนี้ยังไม่มีฝ่ายค้าน และต้องได้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 ของสมาชิก ส.ว. หรือ 84 เสียง จะหามาจากไหน มองว่าเป็นการเสนอเพื่อเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเราไม่เห็นด้วยกับการเสนอรายมาตรา เพราะเคยทำมาแล้ว เราจึงทำเป็นนโยบายในการหาเสียงว่าหากได้เป็นรัฐบาลการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกจำนำเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อทำประชามติ แก้รัฐธรรมนูญทั้งระบบโดยการตั้ง ส.ส.ร. เชื่อว่าจะเสร็จสิ้นใน 1-2 ปี หากเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ของพรรคก้าวไกลเข้าสภาฯ พรรคเพื่อไทยจะงดออกเสียง เพราะเราอยากให้โฟกัสเรื่องจัดตั้งรัฐบาลเป็นสำคัญที่สุด เพราะปัญหาประชาชน การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่รอไม่ได้