“เศรษฐา” พร้อมรับนั่งนายกฯ แทน “พิธา”หากถูกเสนอชื่อ เปรียบการเมืองเล่นกีฬาเป็นทีม พร้อมฟังมติกก.บห.ไม่ว่าจะมี “ก้าวไกล” หรือพลิกข้ามขั้ว
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง สถานการณ์การพูดคุยระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลในการโหวตนายกฯรอบ 2 ว่า ต้องรอการพูดคุยระหว่าง 2 พรรค ตนมองว่าปัญหาปากท้องและปัญหาเศษฐกิจประชาชนเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าเราไม่รีบเจรจาและจัดตั้งเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาก็จะเป็นเรื่องใหญ่ และสถานการณ์ก็บีบบังคับให้จัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า พร้อมหรือไม่ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล ไม่ผ่านการโหวตรอบ 2 นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าไม่พร้อมก็คงไม่มีรายชื่อตนเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรค เพื่อไทยไม่ว่าจะเป็นฐานะแกนนำหรือพรรคร่วมรัฐบาล ตนได้รับมอบหมายให้มาดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องมีการพูดคุยกันในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดค่าใช้จ่ายประชาชน
เมื่อถามว่า หากสูตรจัดตั้งรัฐบาลไม่มีพรรคก้าวไกล พร้อมเป็นนายกฯหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่มีการพูดคุยกัน และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคได้ชี้แจง หากมีความเห็นแตกต่างกันใน 8 พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ก็ต้องกลับมาพูดคุยกัน เพราะเราก็มีแคนดิเดตนายกฯถึง 3 คน ดังนั้นต้องให้เกียรติกรรมการบริหารพรรค ตนคงไม่ก้าวล่วง
เมื่อถามว่า หากสมการตั้งรัฐบาลมีพรรคอื่นเข้ามานอกเหนือจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมจะรับนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังเร็วเกินไป วันนี้เป็นเรื่องของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลก่อน
ถามย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นสมการใด แต่หากกรรมการบริหารพรรคมีมติพร้อมที่จะทำตามหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องไปว่ากันในตรงนั้น เพราะมีหลักการหลายอย่างที่ต้องมาคุยกัน ย้ำว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องและจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เมื่อถามอีกว่า ส่วนเงื่อนไขการรับตำแหน่งนายกฯนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าไปคุยถึงเงื่อนไข เราไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น เพราะตอนนี้ต้องดูปัญหาปากท้องประชาชน แม้ประชาชนจะไม่พูดก็ตามแต่เชื่อว่าคนเป็นห่วงเรื่องนี้ อย่าลืมว่าเราเป็นนักการเมือง หน้าที่นักการเมืองคือการดูแลประชาชนไม่ใช่มาเล่นการเมือง
ถามว่า ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นอะไรก็มีทัวร์ลงตลอด นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมก็คงพูดสั้นๆ ว่าครับ ก็ต้องรับครับ คำว่าครับไม่ได้หมายความว่า รับหรือไม่รับ แต่หมายความว่า รับทราบกับเสียงที่ตอบมาว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยกันกับ 8 พรรค ถ้าเกิดจะไปกับพรรคก้าวไกล เราเองก็พร้อมที่จะเสนอนโยบายและประชุมครม.นัดแรก หรือถ้าเป็นเรื่องอื่นเราก็พร้อมหมด”
เมื่อถามว่า หาก กรรมการบริหารพรรคมีแนวทางเช่นใด พร้อมทำตามมติใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมเล่นกีฬาเป็นทีมอยู่แล้ว ผมเป็นประชาธิปไตย ถ้าหากคณะกรรมการมีมติอย่างไรผมพร้อมน้อมรับ และไม่อยากพูดไปเพื่อเป็นการกดดันอะไรทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารที่มีความอิสระในการตัดสิน”
เมื่อถามย้ำอีกว่า แม้จะถูกมองว่ามีการข้ามขั้วก็ตาม นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าเพิ่งข้ามไปดีกว่า วันนี้ขอคุย 8 พรรคร่วมรัฐบาลให้รู้เรื่องก่อนดีกว่า เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นการเล่นเรื่องการเมือง และก็เล่นการเมืองกันมาเยอะแล้ว