"พิธา"คงหมดโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี "เศรษฐา ทวีสิน"มารับไม่ต่อ เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดรัฐบาลก็จะล้มเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมรัฐบาลก้าวไกลทันที และท้ายที่สุดเชื่อว่า พรรคก้าวไกลต้องถอนตัวออกไปฝ่ายค้าน
การโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 19 ก.ค.นี้"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"หัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องลุ้นหนัก จะมีชื่อได้เข้าไปโหวตชิงเก้าอี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกรอบหรือไม่ แม้พรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรครวม 312 เสียง มีมติจะโหวต"พิธา"อีกครั้งโดย "พิธา"ให้คำมั่นว่าหากได้รับเสียงสนับสนุนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ คือเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10% จากคะแนน ก็จะถอยให้พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคอันดับสองจัดตั้งรัฐบาล
ทั้งนี้เนื่องจาก ทางส.ว.ต้องการ ปิดสวิตซ์ "พิธา"ไม่ให้มีสิทธิ์โหวตรอบ 2 ด้วยการเสนอญัตติว่า การเสนอชื่อ "พิธา" เป็นนายกฯครั้งที่2โดยไม่มีปัจจัยแห่งการเปลี่ยนแปลงอะไร ถือเป็นการยื่นญัตติซ้ำในสมัยประชุมเดียวกัน ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 หรือไม่ และ ถ้าที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นว่า เป็นญัตติซ้ำ จะทำให้ "พิธา"หมดสิทธิ์เข้าโหวตชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีทันที ซึ่งโอกาสเป็นไปตามนี้มีสูงเพราะส.ว.มีเสียง250 เสียง บวกกับฝ่ายค้านมี 188 เสียง โอกาส "พิธา"โดนปิดสวิตซ์ มีสูง เพราะแม้แต่พรรคเพื่อไทย ก็ยังเปลื่ยนผู้เสนอชื่อ "พิธา"เป็นนายกฯจาก น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค มาเป็นนายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค เพราะต้องการเซฟ หมอชลน่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่ให้โดนกระสุนไปด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ ในเช้าวันเดียวกันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาเรื่อง ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ร้องให้ตีความคุณสมบัติ "พิธา"พ้นส.ส.จากการถือหุ้นไอทีวี อีก และหากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา "พิธา"อาจจะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. และแม้ จะไม่ทำ"พิธา"ขาดคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดตนายกฯและสามารถโหวตต่อรอบสองได้ แต่ก็จะเป็นเงื่อนไขให้ส.ว.และฝ่ายค้านยกเป็นเงื่อนไข ไม่โหวตให้ "พิธา"อีก
เมื่อพิจารณาปัจจัยรอบด้านแล้ว "พิธา"คงหมดโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนผู้ที่จะมารับไม้ต่อเป็น "เศรษฐา ทวีสิน"แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคอันดับสองก็เดินหน้า จัดรัฐบาลต่อทันที และหากเพื่อไทยมาเป็นแกนนำในการจัดรัฐบาลก็จะล้มเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมรัฐบาลก้าวไกลทันที และท้ายที่สุดเชื่อว่า พรรคก้าวไกลต้องถอนตัวออกไปฝ่ายค้าน
โดยสูตรรัฐบาลเพื่อไทย เบื้องต้น เวลานี้ ประกอบด้วย 7 พรรคการเมืองเดิม ซึ่งเมื่อตัดพรรคก้าวไกล ออกไป 151 เสียง เหลือ จำนวน 161 เสียง ส่วนพรรคการเมืองที่ถูกดึงเข้ามาเพิ่ม ประกอบด้วย ภูมิใจไทย 71 เสียง พลังประชารัฐ 40 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง ใหม่ 1 เสียง ท้องที่ไทย 1 เสียง ครูไทยเพื่อประชาชน 1 เสียง รวม 313 เสียง โดยสูตรนี้ต้อง หาส.ว.อีก 63 เสียง ซึ่งทางเพื่อไทย มั่นใจจะไม่มีปัญหา เพราะส.ว.คงไม่มีเงื่อนไข เตะสกัดเหมือน "พิธา"
อย่างไรก็ตามการเมืองผลิกผันตลอดเวลาตราบใดที่ยังไม่หมดเวลา อะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้