สูตรตั้งรัฐบาลใหม่คิว "เศรษฐา"ชิงนายกฯบนเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

สูตรตั้งรัฐบาลใหม่คิว
"เศรษฐา"รับไม้ต่อชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี บนเส้นทางการต่อรองทางการเมืองที่เข้มข้น ท่ามกลางความไม่พอใจของด้อมส้มที่ผิดหวังกับกระบวนการสกัด "พิธา"ไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรี 

หลังที่ประชุมรัฐสภาโดยเสียงข้างมาก ซึ่งประกอบด้วยส.ว.และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเดิม โหวตปิดสวิตซ์ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ให้มีสิทธิ์เข้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรอบที่สอง นั้นขั้นตอนต่อไป ก็เป็นคิวพรรคเพื่อไทย ที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจากนี้ไป ในฐานะพรรคอันดับสอง โดยมี"เศรษฐา ทวีสิน"เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้สูตรการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย ต้องจับตา จะมีพรรคก้าวไกล อยู่ร่วมด้วยหรือไม่นั้น หากประเมินตามสถานการณ์ ถึงนาทีนี้ โอกาสของพรรคก้าวไกล จะกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านสูง เพราะเจอแรงต้าน จากปมการประกาศจุดยืนในการแก้ ม.112 ที่ ส.ว.ตั้งเงื่อนไม่อยากโหวตให้ และ ส.ส.จากพรรครัฐบาลเดิม ไม่อยากอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน

นอกจากนี้รวมถึงเงื่อนไขของพรรคก้าวไกลเอง ที่ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  และพรรครวมไทยสร้างชาติ ของบิ๊กตู่ ซึ่งอาจทำให้เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว พรรคก้าวไกล อาจจะประกาศถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้าน

อย่างไรก็ตามสูตรการตั้งรัฐบาลนั้น พรรคเพื่อไทยยังไม่ผลีผลามที่จะตีจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่มีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วย  เพราะเสี่ยงจะถูกต่อรองเรื่องโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีจากพรรคที่จะเข้ามาร่วมรัฐบาลใหม่ ดังนั้นพรรคเพื่อไทย จึงยังเปิดกว้างสูตรในการจัดตั้งรัฐบาลเอาไว้ ทั้งมีพรรคก้าวไกล และไม่มีพรรคก้าวไกล

สำหรับสูตรมีพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย 8 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม เพื่อไทย 141 ก้าวไกล 151  ประชาชาติ 9 ไทยสร้างไทย 6 เพื่อไทรวมพลัง  2 เป็นธรรม 1  เสรีรวมไทย 1 พลังสังคมใหม่1 รวม 312 เสียง แล้วดึงพรรคอื่นเข้ามาร่วม อาทิ  ประชาธิปัตย์ 25 ชาติไทยพัฒนา 10 ชาติพัฒนากล้า 2 ประชาธิปไตยใหม่ 1 ใหม่ 1ท้องที่ไทย 1 ครูไทยเพื่อประชาชน 1 โดยรวมกันทั้งหมด จะมี 353 เสียง

ในขณะที่ พรรคเพื่อไทย ต้องการเสียงสนับสนุนทั้งหมด 376 เสียง เพื่อจะให้ "เศรษฐา" เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องหาเสียงเพิ่ม จากส.ว.จำนวน 23 เสียง และถ้าจะให้เซฟโซนการันตีเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จะต้องได้เสียงส.ว.30 เสียงขึ้นไป ซึ่งยังถือว่าสุ่มเสี่ยงกับการที่จะถูกโหวตไม่ผ่านได้เช่นกัน และที่สำคัญพรรคที่จะดึงเข้ามาร่วมรัฐบาลใหม่ อาจจะตั้งเงื่อนไขกับพรรคก้าวไกล

สำหรับสูตรไม่มีพรรคก้าวไกล อาจจะประกอบด้วย  7 พรรคร่วมเดิม เพื่อไทย 141 ประชาชาติ 9 ไทยสร้างไทย 6 เพื่อไทรวมพลัง 2 เป็นธรรม 1  เสรีรวมไทย 1 พลังสังคมใหม่1 รวม 161 เสียง โดยดึงพรรคการเมืองอื่นมาแทนพรรคก้าวไกล  อาทิ ภูมิใจไทย 71 เสียง พลังประชารัฐ 40 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง  ใหม่ 1 เสียง ท้องที่ไทย 1 เสียงครูไทยเพื่อประชาชน 1 เสียง รวมกันทั้งหมดจะได้ 313 เสียง

สูตรนี้จะต้องหาส.ว.มาเพิ่มอีก 63 เสียง แม้ตัวเลขความต้องการเสียงของส.ว.จะมากขึ้น แต่กระแสแรงต้านของส.ว.อาจจะ ลดลง เพราะไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นเงื่อนไขแล้ว ฉะนั้นโอกาส"เศรษฐา ทวีสิน"เข้าป้ายเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 มีอยู่สูง แต่ต้องเสี่ยงกับการต่อรองโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีสูงจากพรรคร่วมรัฐบาล

หมากเกมกระดานการเมืองจากนี้ไปเต็มไปด้วยการต่อรองทางการเมืองที่เข้มข้น ท่ามกลางความไม่พอใจของด้อมส้มที่ผิดหวังกับกระบวนการสกัด "พิธา"ไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่ใช่เรื่องที่พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลได้โดยง่าย และ เส้นทาง"เศรษฐา"จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ฉะนั้นทุกอย่างทางการเมืองโอกาสพลิกผันได้ตลอด อะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้


 

TAGS: #เศรษฐา #สูตรรัฐบาลใหม่ #พิธา #โหวตนายกฯ