“กัณวีร์” พรรคเป็นธรรม เปิดโรดแมป 10 เดือน ทำอะไรได้บ้าง ระหว่างรอสว.หมดอายุ มั่นใจประเทศเดินหน้าต่อได้แม้ช่วงสุญญากาศ ขอ 8 พรรคต้องจับมือให้แน่น

  
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม ได้เผยผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นกรณีที่เสนอสมการใหม่ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ให้รออีก 10 เดือน ให้ ส.ว.ระเหิดไปกับกฎหมายที่รองรับ เพื่อใช้เสียง ส.ส.เลือกเท่านั้น ล่าสุด ได้เปิด Roadmap สู่รัฐบาลประชาธิปไตยภายใน 10 เดือน ประเทศไทยยังเดินหน้าได้ในสูญญากาศ โดยมีเนื้อหาดังนี้

การรอ สว. ปิดสวิชต์ตนเอง หรือหมดวาระไปตาม ม. 272 ไม่ถือเป็น "การรอ" ที่ "เสียเวลาเปล่า" เพราะภายใน 10 เดือนนี้ ประเทศยังเดินหน้าไปได้ เพราะมี "กลไกรัฐสภา"

10เดือนนี้ควรทำอะไรบ้าง?

จัดทำนโยบายรัฐบาลตามความเร่งด่วนของประชาชน โดย คณะทำงานภายใต้คณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน

จัดเวทีรับฟังข้อเสนอภาคประชาชนต่อกระบวนการนิติบัญญัติร่วมกัน

เร่งรัดพิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างมาตั้งแต่สมัยที่แล้วโดยกลไกสภา

ประเทศจะเดินต่อยังไงถ้าไม่มีรัฐบาล?

เรายังมีกลไกสภาที่สามารถจะขับเคลื่อนประเทศไปได้ โดยการใช้อำนาจนิติบัญญัติ การพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ เหล่านี้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจเหนือกว่าวุฒิสภาอยู่แล้วตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การพิจารณาร่างกฎหมาย ฝั่งประชาชนและ ส.ส. จะสามารถทำได้อย่างจริงจังในช่วง 10 เดือนนี้อย่างแน่นอน

รัฐบาลรักษาการทำอะไรได้บ้าง?

รัฐบาลรักษาการจะถูกจำกัดอำนาจบางส่วน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว เพราะจะได้ไม่ไปก่อความเสียหายอะไรต่อประเทศชาติให้มากไปกว่านี้ ซึ่งตามกฎหมายแล้วรัฐบาลรักษาการจะถูกจำกัดเรื่อง

การอนุมัติโครงการ ที่ก่อภาระผูกพัน

การแต่งตั้งโยกย้ายหรือถอดถอนบุคลากรของรัฐ

การอนุมัติการใช้จ่ายงบกลางเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

แล้วเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี67ล่ะ?

สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จะล่าช้า และคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในเดือน มีนาคม 2567 โดยสามารถเลือกได้ว่าจะนำกรอบงบประมาณฯ และร่างงบฯ เดิมมาใช้ หรืออาจจะทบทวนทั้งฉบับก็ได้ ซึ่งถือเป็นอำนาจของรัฐบาลใหม่ ดังนั้นยังมีเวลาเรื่องงบประมาณครับ

ดังนั้น เราทำอะไรได้มากมายในช่วง 10 เดือนนี้ และความน่าเชื่อถือจะยิ่งมากขึ้นหากเราทำสิ่งต่างๆ ได้ตาม Roadmap ที่กล่าวไว้ข้างต้น และเมื่อเรามีรัฐบาลที่มาจากประชาชนแล้ว เจ้าของอำนาจที่แท้จริงจะสามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาและการเมืองตนเองได้

ประเทศไทยจะมีความร่วมมือทางการลงทุนกับต่างชาติอย่างเกินความคาดหมาย การขยายฐานการผลิตและการพัฒนาทักษะอาชีพของพี่น้องประชาชนจะได้รับการตอบสนองอย่างทวีคูณ ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคจะสามารถมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางความต้องการประจำถิ่น และท้ายสุด ประเทศไทยจะมีจุดยืนแห่งการเป็นผู้นำในเวทีระหว่างประเทศอย่างสง่าผ่าเผย

รอเถอะครับ จับมือกันให้แน่น ทั้ง 8 พรรค อนาคตประเทศและประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงรอพวกเราอยู่ครับ