“รังสิมันต์ โรม” ยอมรับ เศร้า-เจ็บปวด “เพื่อไทย” ปล่อยมือ “ก้าวไกล” ชี้ ความฝันประชาชนแค่อีกนิดเดียว
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกของพรรค พร้อมด้วย น.ส.เบญจา แสงจันทร์ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ และ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เดินทางลงมารับหนังสือและพบปะผู้ชุมนุมคาร์ม็อบ โดยได้ทักทายกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมบอกขอบคุณประชาชนที่มา
จากนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องที่ประชาชนมาวันนี้ ก็เพราะอยากให้8พรรคร่วมมีการแพ็กกันแน่น เป็นสิ่งที่ก้าวไกลอยากให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้วเพราะเป็นจุดยืนของก้าวไกลในการจับมือ8พรรคจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อถามว่า เจ้าบ่าวไม่อยู่แล้ว เจ้าสาวจะยังไง นายรังสิมันต์ ตอบว่า ตนเข้าใจมาโดยตลอดว่าเราแต่งงานกันแล้ว จดทะเบียนกันแล้ว mou เปรียบเสมือนการจดทะเบียน แต่วันนี้ ไม่ใช่เจ้าสาวรอเก้อ แต่กำลังจะมีการหย่ากันมากกว่า
เมื่อถามว่า เมียน้อยจะเยอะหรือไม่ นายรังสิมันต์ ตอบว่า ไม่ทราบ คงต้องไปถาม ผู้ที่จะไปมีกิ๊ก หรือจะเรียกว่าภรรยาน้อยอะไรก็แล้วแต่
เมื่อถามความรู้สึกของ สส.พรรคก้าวไกล หลังจากเห็นข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องฉีกMOUและไม่มีพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล นายรังสิมันต์ บอกว่า หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็เห็นสัญญานการปล่อยข่าวมาโดยตลอด และคงรู้อยู่แล้วว่าอาจจะมีจ้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแบบนี้ได้
“แต่ข้อเท็จจริงที่ผมเจ็บปวดที่สุด คงเป็นเรื่องของพี่น้องประชาชนที่เขาฝัน มันน่าเศร้า มันอีกนิดเดียว คุณเคยรู้สึกมั้ยว่ามันอีกนิดเดียวจริงๆ”
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าความพยายาม จากพรรคก้าวไกลฝ่ายเดียวยังไม่เพียงพอ และเมื่อดูจากเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งเรื่องที่พรรคก้าวไกลยอมถอยตำแหน่งประธานรัฐสภา รวมถึงให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งหมดทั้งมวลพรรคก้าวไกลถอยมาเยอะ เพื่อให้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลสามารถจัดตั้งรัฐบาลประชาชนได้
เมื่อถามว่ามองปรากฏการณ์นี้อย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราไม่อยากให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น และหากจินตนาการว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียงเป็นพรรคเดียว ก็น่าจะจบ แม้อาจจะอาจจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะเสียงไม่ถึง 376 เสียง แต่ตนก็เชื่อว่าถ้าเราเหนียวแน่น การรอ 10 เดือนก็ไม่มีความหมาย ซึ่งไม่ต้องถึงก็ได้ แต่ตอนนี้ก็ทำให้ประชาชนรู้สึก ว่าจะเกิดการสลายขั้ว 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยทำให้เราเจอวิกฤต ประชาชนและไม่สามารถตั้งรัฐบาลที่ประชาชนให้มาได้ เมื่อถามว่าจะทำให้มวลชนเกิดการรวมตัวกันมากขึ้นหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน
