"พร้อมพงศ์" เปิดภาพแฉกลับ "ชูวิทย์" เคยดอดพบ"เศรษฐา" ขายที่ดินให้ แต่ถูกปฏิเสธ 

"พร้อมพงศ์"แถลงโต้ปมเลี่ยงภาษีที่ดิน เปิดภาพแฉกลับ "ชูวิทย์" เคยดอดพบ "เศรษฐา" ขายที่ดินตัวเองให้ เเต่ถูกปฏิเสธ  ถาม โกรธเคืองใช่หรือไม่ 

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ คณะทำงานด้านกฎหมายที่ได้รับมอบอำนาจจาก นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง ระบุที่นายเศรษฐา มอบอำนาจให้ทนายความฟ้องดำเนินคดีกับนายชูวิทย์นั้น เป็นการฟ้องปิดปากว่า ขอชี้แจงว่าเรื่องนี้เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่มีใครไปปิดปากคนอย่างนายชูวิทย์ได้ ยืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิ์ของนายเศรษฐา ไม่มีใครปิดปากนายชูวิทย์​ถ้าบริสุทธิ์ใจ ตั้งข้อสังเกตว่าที่ข้อมูลบริษัทแสนสิริ มาจากเอกชนมากนานแล้วทำไม่ตรวจสอบมาตั้งนาน แต่ปล่อยไว้จนนายเศรษฐา มีชื่อโหวตนายกฯ อยากถามว่าถ้านายชูวิทย์ ยึดประโยชน์สาธารณะและเพื่อชาติ เมื่อได้รับเอกสารไม่ควรปล่อยไว้เนิ่นนาน และต้องตรวจมาอย่างตรงมา รวมถึงให้ความเป้นธรรมทุกฝ่าย โดยไม่มีวาระมีซ่อนเร้น 

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ แถลงข่าวว่ารัฐเสียหาย 500 ล้านบาท เพราะนายเศรษฐา ทำนิติกรรมอำพรางไม่ซื่อสัตย์สุจริต เรื่องนี้ไม่ซับซ้อนเหมือนนายชูวิทย์จับแพะชนแกะพูดความจริงเรื่องเดียว ซึ่งผู้ขายเขาได้กรรมสิทธิ์โดยการแบ่งคืนให้ผู้ถือหุ้นคนละวันกัน ในทางกฏหมายไม่ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้กรรมสิทธิ์รวมที่ดินพร้อมกัน และกฎหมายอนุญาตให้ผู้ขายทำได้ตามระเบียบกรมที่ดินและกรมสรรพากร เชื่อว่าตั้งใจให้เข้าใจบิดเบือนและไม่พูดความจริงทั้งหมด หากพูดความจริงทั้งหมดจะกล่าวหานายเศรษฐาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม บริษัทแสนสิริได้ซื้อที่ดินตามกฎหมาย และเรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย 

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า บริษัทแสนสิริ เป็นนิติบุคคลที่มีบริหารหลายคน ทำไมจ้องเล่นงานนายเศรษฐา เพียงคนเดียว ต่อมายังกล่าวหาว่าเป็นตัวการร่วมรู้เห็นเป็นใจ ยืนยันว่านายเศรษฐา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนราคาที่ดินที่ซื้อตั้งอยู่ถ.สารสิน ตรงข้ามสวนลุมพินี ทุกคนในวงการอสังหาริมทรัพย์รู้ดีว่าเป็นเหมือนทำเลทอง ดังนั้นราคาที่ดินที่ออกมาเป็นราคาปกติตามท้องตลาด ส่วนราคาที่ดินที่อยู่ซอยสุขุมวิท 24 ของนายชูวิทย์ และครอบครัว ตกตารางวาละเกือบ 3 ล้านบาท ฉะนั้นราคาก็ไม่ต่างกัน เพราะราคาที่ดินจะแพงหรือไม่แพงอยู่ที่ทำเลย

“ผมว่าที่แถลงเป็นเท็จไม่เป็นความจริง ยืนยันนายเศรษฐาไม่ได้ทำผิดกฎหมายและผิดจริยธรรมตามที่นายชูวิทย์กล่าวหาแต่อย่างใด ขอสังคมอย่างหลงประเด็นกับลีลาโวหารแอ็คชั่นบอกว่าคนโน้นคนนี่ผิด นายชูวิทย์ มี 5 นิ้ว เวลาชี้ไปที่คนอื่น 1 นิ้ว มันจะหันมาหาตัวเอง 4 นิ้ว” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ผมมีหลักฐานภาพถ่ายนายชูวิทย์ พบกับนายเศรษฐา ผู้บริหารบริษัทแสนสิริ ณ ขณะนั้น เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 65 เพื่อเสนอชื่อที่ดินแปลงตัวเองเสนอขายให้บริษัทแสนสิริ ที่เคยขายบริษัทไรมอนแลนด์ ซึ่งบริษัทไรมอนแลนด์ได้มัดจำ 4 ร้อยล้านบาทมาแล้ว แต่มีปัญหาหลายอย่าง จึงขอยกเลิกสัญญาและยึดเงินมัดจำ และเรียกค่าเสียหาย ทั้งนี้ เมื่อมาเสนอขายกับบริษัทแสนสิริ จะต้องเคลียร์สัญญากับผู้ขายรายเก่าก่อน แต่บริษัทแสนสิริปฏิเสธเรื่องที่ซื้อที่ดินดังกล่าว ต่อมานายชูวิทย์ ได้มาเสนอขายอีกครั้งในราคา 2 พันล้านบาท และถูกปฏิเสธจากผู้บริหารแสนสิริ เพราะมีปัญหาข้อกฎหมาย นี่อาจจะเป็นปัญหาที่ทำให้นายชูวิทย์โกรธเคืองหรือไม่

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ภาพที่ปรากฎต้องบอกว่านายชูวิทย์ไม่ได้สนิทกับนายเศรษฐาที่มาพบและนั่งกินกาแฟเพียงเฉยๆ นี่ตรงกันข้ามกับนายชูวิทย์ที่บอกไม่มีวาระซ่อนร้อน ถามว่าที่นายชูวิทย์ที่บอกแฉเพื่อชาติแต่ต้องการแฉเพื่อใคร ตนถามว่าที่ออกมาแฉเพื่อชาติและกล่าวหานายเศรษฐา แบบสาดโคลนก่อนวันโหวตนายกฯไม่กี่วัน มีเป้าหมายให้นายเศรษฐาขัดคุณสมบัติ 160(4) หรือไม่ รับงานใครมาหรือไม่ หรือหวังผลทางการเมืองให้ใครมาเป็นนายกฯหรือไม่ ส่วนที่ระบุว่านายนายเศรษฐา มีนิติกรรมอำพราง ตนเห็นว่าคนที่มีนิติกรรมอำพรางคือนายชูวิทย์มากกว่าในกรณีที่ดินสวนชูวิทย์ 

“วาระประชาชนต้องมาก่อน วาระส่วนตัว หรือวาระทางการเมืองของกลุ่มการเมืองหรือนักการเมือง ประชาชนเดือดร้อนเรื่องปากท้องเรื่องเศรษฐกิจ เพราะยังไม่มีผู้นำเข้ามาบริหารประเทศ และควรมีรัฐบาลได้แล้ว เพระมีคนแบบนายชูวิทย์ เป้าหมายต้องการแคนดิเคนเดตนายเศรษฐาไม่ให้เป็นนายกฯ” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ได้ชี้แจงประเด็นนี้กับทางพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเพราะไม่เกี่ยวพรรคเพื่อไทย แต่ฐานะที่เป็นคณะทำงานด้านกฎหมาย นายเศรษฐา ก็ยินดีให้นายชูวิทย์ตรวจสอบ รวมถึงหน่วยงานราชการ องค์กรอิสระ และภาคประชาชน 
 

TAGS: #ชูวิทย์ #เศรษฐา #เลี่ยงภาษีที่ดิน #พร้อมพงศ์